แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่งอกริมตลิ่งที่จะถือว่าเป็นของเจ้าของที่ดินแปลงนั้นต้องเป็นที่งอกที่ติดต่อเป็นแปลงเดียวกับที่ดินของเจ้าของ หากมีถนนหรือทางหลวงคั่นอยู่ระหว่างที่ของเจ้าของที่งอกแล้วจะอ้างว่าที่งอกเป็นของตนด้วยไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์จำเลยได้แบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 5248 กันตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดอ่างทอง คดีแดงที่ 334/2490 แล้วโจทก์ฟ้องว่ามีที่ดินงอกติดต่อกับทางหลวงและที่ดินโฉนดลงมาติดถนนหลวงสายริมแม่น้ำเจ้าพระยา หมาย 3 และ 4 กับที่ดินงอกอีกตอนหนึ่งหมาย 5 และ 6 ต่อจากถนนหลวงสายริมแม่น้ำเจ้าพระยา จำเลยครอบครองเสียผู้เดียวไม่ยอมให้โจทก์เข้าแบ่งด้วย ขอให้ขับไล่จำเลยจากที่หมาย 4 และ 6
จำเลยให้การว่า ที่ที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่ที่แปลงเดียวกับที่โฉนด และไม่ใช่ที่งอก เป็นที่จำเลยครอบครองมากว่า 20 ปีแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำพิพากษาคดีดังกล่าวให้แบ่งกันแต่ที่โฉนด ไม่ได้แบ่งกันถึงที่ที่ฟ้อง โจทก์จะถือเอาว่าที่หมาย 4 และ 6 เป็นของโจทก์และฟ้องขับไล่ไม่ได้ ชอบที่จะฟ้องขอแบ่ง ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่งอกริมตลิ่งซึ่งจะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของ ตามมาตรา 1308 ที่ดินนั้นต้องมีเนื้อที่จดริมตลิ่งที่งอกที่ที่ฟ้องไม่จดตลิ่งมีถนนหลวงคั่นอยู่ จะถือว่าที่พิพาทเป็นส่วนของโจทก์ทันทีไม่ได้ และโจทก์รับว่า จำเลยครอบครอง จะฟ้องขับไล่จำเลยผู้เป็นเจ้าของร่วมไม่ได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่งอกทั้งสองตอนนั้น หาใช่ที่ติดต่อกับที่ดินของโจทก์ไม่ แต่เป็นที่งอกอันติดต่อกับทางหลวงและถนนหลวงโจทก์จะถือสิทธิเป็นเจ้าของตามมาตรา 1308 ไม่ได้ เพราะโจทก์มิใช่เจ้าของทางหลวงและถนนหลวงที่งอกนั้น โจทก์หามีสิทธิอ้างทางหลวงและถนนหลวงเป็นของโจทก์ไม่ ที่โจทก์อ้างมาในฎีกาว่าถนนหลวงย่อมสร้างหรือมีขึ้นภายหลังที่ได้เกิดที่งอกนั้นแล้ว ถ้าสงสัยก็สั่งให้สืบพยานต่อไปนั้น ข้อนี้โจทก์ไม่ได้กล่าวมาในฟ้องและชั้นศาลล่างพิพากษายืน