แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ลงมติออกเสียงในที่ประชุมลำพัง ซึ่งไม่ถูกต้องตรงตามกับความจริง เท่ากับโจทก์โต้แย้งว่ามติของที่ประชุมไม่ชอบ โจทก์ในฐานะสมาชิกของสมาคมย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ในคราวนั้นได้ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 100 เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเพิกถอนมติที่ประชุมดังกล่าวเกินหนึ่งเดือน มติที่ประชุมใหญ่จึงมีผลใช้บังคับหาเสียไปไม่ และการที่จำเลยทั้งห้าร่วมประชุมและลงมติในการประชุมดังกล่าวจึงมิได้เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันใช้เงินจำนวน 160,819,497.59 บาท แก่สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งหกให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ในเบื้องต้นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่าการที่โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ลงมติออกเสียงในที่ประชุมลำพังจึงไม่ถูกต้องตรงกับความจริง เพราะในวันดังกล่าวยังมีกรรมการคนอื่นเข้าประชุมและบางคนไม่เข้าประชุมแต่ก็ได้มอบอำนาจให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทน ข้ออ้างดังกล่าวจึงเท่ากับว่าโจทก์โต้แย้งว่ามติของที่ประชุมในวันดังกล่าวที่ให้โอนเงินตามฟ้องให้จำเลยที่ 6 ไม่ชอบ โจทก์ในฐานะสมาชิกของสมาคมย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ในคราวนั้นได้ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 100 เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ดังกล่าววันที่ 24 พฤษภาคม 2553 จึงเกินหนึ่งเดือนนับแต่วันที่มีการประชุมครั้งที่ 1 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 และครั้งที่ 2 วันที่ 22 ตุลาคม 2551 มติที่ประชุมใหญ่จึงมีผลใช้บังคับหาเสียไปไม่ จำเลยทั้งห้าร่วมประชุมและลงมติในการประชุมดังกล่าวจึงมิได้เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา คดีไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นต่อไป ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ