คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9605/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในชั้นที่มีคู่ความขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ และการมีคำสั่งให้รับหรือไม่รับอุทธรณ์ของคู่ความผู้อุทธรณ์นั้น เป็นคนละส่วนกัน จำเลยผู้อุทธรณ์ที่ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถามีหน้าที่นำส่งหมายนัดไต่สวนชั้นขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาให้แก่โจทก์และหากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยก็มีหน้าที่นำส่งหมายนัดสำเนาอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยด้วย การที่จำเลยวางเงินนำหมายตามแบบคำขอวางเงินนำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเท่านั้น โดยยังมิได้มีการนำส่งหมายนัดสำเนาอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยให้โจทก์แก้ เมื่อศาลชั้นต้นได้ออกหมายส่งสำเนาอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับให้แก่จำเลยเพื่อนำส่งให้แก่โจทก์ไว้แล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่นำส่งตามเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จนเวลาล่วงเลยมานานเกินสมควร พฤติการณ์ของจำเลยย่อมเป็นการทิ้งอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบด้วย มาตรา 246

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ โดยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ด้วย
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยทั้งสองดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ โดยสั่งรับอุทธรณ์ ให้จำเลยทั้งสองนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์แก้ภายใน 7 วัน ไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด แต่เวลาได้ล่วงเลยมานานแล้ว จำเลยทั้งสองก็ไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนดไว้ โดยทราบคำสั่งชอบแล้วจึงถือว่าจำเลยทั้งสองทิ้งอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในชั้นที่มีคู่ความขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์และการมีคำสั่งให้รับหรือไม่รับอุทธรณ์ของคู่ความผู้อุทธรณ์นั้นเป็นคนละส่วนกัน ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นที่คู่ความขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์เสร็จสิ้นก่อน จึงจะพิจารณาสั่งรับหรือไม่รับอุทธรณ์ของคู่ความผู้อุทธรณ์ที่ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถานั้นได้ ดังนั้น จำเลยทั้งสองผู้อุทธรณ์ที่ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถามีหน้าที่นำส่งหมายนัดไต่สวนชั้นขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาให้แก่โจทก์ด้วย และหากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยก็มีหน้าที่นำส่งหมายนัดสำเนาอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยด้วย การที่จำเลยทั้งสองวางเงินนำหมายตามแบบคำขอวางเงินนำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเท่านั้น โดยยังมิได้มีการนำส่งหมายนัดพร้อมสำเนาอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยทั้งสองให้โจทก์แก้แต่อย่างใด เมื่อศาลชั้นต้นได้ออกหมายส่งสำเนาอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับให้แก่จำเลยทั้งสองเพื่อนำส่งให้แก่โจทก์ไว้แล้ว ซึ่งมิใช่เป็นการสั่งให้จำเลยส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ซ้ำอีก เพราะยังไม่ได้มีการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ตั้งแต่ชั้นไต่สวนอนาถา เมื่อจำเลยทั้งสองเพิกเฉยไม่นำส่งตามเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จนเวลาล่วงเลยมานานเกินสมควร พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นการทิ้งอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบด้วย มาตรา 246
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาเป็นพับ.

Share