คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4079/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อที่ดินมาดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเป็น 11 โฉนดและจดทะเบียนแบ่งแยก แล้วปลูกสร้างตึกแถวบนที่ดินที่แบ่งแยกจำนวน 11 คูหาจากนั้นทยอยขายไปจนหมดภายใน 8 เดือน เช่นนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าโจทก์ซื้อที่ดินมาเพื่อมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร จึงต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีนั้น ทั้งการที่โจทก์แบ่งแยกและขายที่ดินพร้อมตึกแถวไปดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นผู้ประกอบการค้า ประเภทการค้าอสังหาริมทรัพย์ จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบการค้ารับจ้างทำของ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ โจทก์ซื้อที่ดิน ๑ แปลง ราคา ๘๓๐,๐๐๐ บาท และได้ปลูกสร้างตึกแถวรวม ๑๑ ห้องบนที่ดินนั้นเพื่อเป็นสมบัติของตนเองและหาประโยชน์ให้เช่าเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว รวมค่าที่ดินและค่าก่อสร้างเป็นเงิน ๒,๙๖๘,๖๙๓ บาท ครั้นสร้างเสร็จไม่มีผู้ใดมาขอเช่า ประกอบกับในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ รายได้ของโจทก์ตกต่ำ จำเป็นต้องขายที่ดินและตึกแถว ๑๑ ห้องไปในราคา ๒,๐๔๕,๐๐๐ บาท เป็นการขาดทุน เงินได้จากการขายที่ดินและตึกแถวมิได้เกิดจากการประกอบธุรกิจการค้าหากำไร จึงมิใช่เงินได้ที่จะต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเงิน ๒๙๗,๖๒๖.๕๒ บาท พร้อมด้วยเงินเพิ่ม และให้เสียภาษีการค้าประเภทค้าอสังหาริมทรัพย์เป็นเงิน ๒๗๑,๑๓๔.๔๙ บาท ซึ่งไม่ถูกต้อง โจทก์ได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินต่อจำเลยที่ ๓,ที่ ๔, ที่ ๕ ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการดังกล่าววินิจฉัยว่า การประเมินนั้นถูกต้องแล้ว โจทก์เห็นว่าคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ถูกต้อง เพราะโจทก์ขายที่ดินโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้าขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยทั้งห้าให้การว่า โจทก์ประกอบอาชีพรับจ้างทำของและประกอบการค้าอสังหาริมทรัพย์โดยซื้อที่ดินมาแบ่งแยกโฉนดปลูกตึกแถวแล้วขายที่ดินพร้อมตึกแถวไปรวม ๑๑ ห้องไปในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร แต่โจทก์มิได้นำเงินได้จากการค้าอสังหาริมทรัพย์ไปยื่นรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้า เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ จึงประเมินโดยคำนวณค่าก่อสร้างตามเกณฑ์ที่กรมโยธาธิการได้คำนวณไว้โจทก์มิได้ขายขาดทุน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาแล้วดำเนินการแบ่งแยกโฉนดและปลูกสร้างตึกแถวในต้นปี พ.ศ. ๒๕๒๒ แล้วจัดการโอนขายไปในปีนั้นทั้งหมดโดยทยอยขายตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๒๒ จนขายหมดในเดือนตุลาคม๒๕๒๒ และโจทก์ขายเกินกว่าที่จำเป็นต้องชำระหนี้ผู้อื่นแล้ววินิจฉัยว่า พฤติการณ์ที่โจทก์จัดการแบ่งแยกโฉนดพร้อมกับปลูกสร้างตึกแถวแล้วขายไปทั้งหมดดังกล่าวแล้วนั้น เป็นการแสดงชัดแจ้งอยู่ว่า โจทก์ซื้อที่ดินนี้มาเพื่อมุ่งในทางการค้าหรือหากำไรโจทก์จึงต้องนำเงินได้จากการขายที่ดินและตึกแถวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ทั้งเข้าลักษณะผู้ประกอบการค้าประเภทค้าอสังหาริมทรัพย์จะต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าอีกด้วย
พิพากษายืน.

Share