คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2318-2319/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นคนมีสัญชาติไทยตามกฎหมาย แม้บิดามารดาของโจทก์จะไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่จดแจ้งชื่อโจทก์เข้าในทะเบียนบ้านคนญวนอพยพก็ไม่ทำให้โจทก์ต้องสูญเสียสัญชาติไทยและกลายเป็นคนสัญชาติญวน
ก่อนฟ้องโจทก์และมารดาได้ขอให้เจ้าหน้าที่เพิกถอนชื่อโจทก์ออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ แต่เจ้าหน้าที่ไม่จัดการให้โดยโต้แย้งว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าว เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมา
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า โจทก์ทั้งหกเป็นบุตรนางพรหม รินระทัย ผู้มีสัญชาติไทย บิดาซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ทั้งหกชื่อนายยือคนสัญชาติญวนโจทก์ทั้งหกเกิดในราชอาณาจักรไทยจึงมีสัญชาติ ไทย จำเลยทั้งสามได้โต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับสัญชาติของโจทก์ทั้งหกว่าเป็นคนต่างด้าว ขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์ทั้งหกเป็นคนสัญชาติไทย ให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ
จำเลยทั้งสามให้การว่า การที่ปรากฏชื่อโจทก์ทั้งหกในทะเบียนบ้านคนญวนอพยพเพราะโจทก์ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าตนเองมีสัญชาติญวน จึงได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่เอาไว้ทั้งยังให้เจ้าหน้าที่ทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพประจำตัวโจทก์จำเลยทั้งสามมิได้โต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับสัญชาติของโจทก์ทั้งหก โจทก์ทั้งหกไม่มีอำนาจฟ้อง กับให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ทั้งหกเป็นคนสัญชาติไทยให้จำเลยร่วมกันถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพเลขที่ ๒๑๐ ถนนพรหมราช ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่ว่าโจทก์ทั้งหกมีอำนาจฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า หากโจทก์ทั้งหกเป็นคนมีสัญชาติไทยตามกฎหมายแล้ว แม้บิดามารดาของโจทก์จะไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่จดแจ้งชื่อโจทก์ทั้งหกคนเข้าในทะเบียนบ้านคนญวนอพยพ ก็ไม่ทำให้โจทก์ทั้งหกต้องสูญเสียสัญชาติไทยและกลายเป็นคนสัญชาติญวนไป นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ทั้งหกและมารดาได้ขอให้เจ้าหน้าที่เพิกถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนบ้านคนญวนอพยพแต่เจ้าหน้าที่ไม่จัดการให้โดยโต้แย้งว่าโจทก์ทั้งหกเป็นคนต่างด้าวเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่า จำเลยทั้งสามได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์ทั้งหกจึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ทั้งหกไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งหกฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาประเด็นข้ออื่น ๆ ตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสาม แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share