คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4042/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้หยิบยกเอาข้อเท็จจริงที่ได้มาจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติซึ่งจำเลยทราบแล้วไม่ได้โต้เถียงหรือคัดค้านมากล่าวในคำพิพากษาประกอบการพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการร้ายแรงหรือไม่เพียงใดเพื่อที่จะได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าสมควรจะลงโทษหรือรอการลงโทษให้แก่จำเลย มิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้องแต่อย่างใด
จำเลยปลอมแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ ซึ่งเป็นเอกสารราชการ และใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดดังกล่าว ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นความเสียหายโดยตรงในทางสาธารณะ ทั้งเป็นการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีรถยนต์ให้แก่รัฐตามกฎหมายอีกด้วย พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ลำพังแต่จำเลยมีภาระต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว ซึ่งเป็นเหตุผลและความจำเป็นส่วนตัว ไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลอมแผ่นเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี พ.ศ.2544 อันเป็นเอกสารราชการที่แท้จริง โดยแก้ไขข้อความที่ช่องเลขทะเบียน ซึ่งพิมพ์ข้อความว่า “บจ-6763” ด้วยการเขียนข้อความใหม่ทับข้อความเดิมเป็น “น-5682 อท” และแก้ไขข้อความในช่องวันสิ้นอายุซึ่งพิมพ์ข้อความว่า “22 พ.ค.” ด้วยการเขียนข้อความใหม่ทับข้อความเดิมเป็นว่า “22 พ.ย.” เพื่อแสดงว่าแผ่นเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี 2544 ดังกล่าวออกให้แก่รถยนต์ทะเบียน น-5682 อท มีวันสิ้นอายุในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2544 ทั้งนี้ ได้กระทำเพื่อให้ร้อยตำรวจโทมนตรี จิตรสิริบูรณ์ เจ้าพนักงานตำรวจและบุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และจำเลยนำแผ่นเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี 2544 อันเป็นเอกสารราชการปลอมไปใช้แสดงต่อร้อยตำรวจโทมนตรี เพื่อแสดงว่าแผ่นเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี 2544 ดังกล่าวออกให้แก่รถยนต์ทะเบียน น-5682 อท มีวันสิ้นอายุในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2544 โดยประกาศที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ร้อยตำรวจโทมนตรี นายทะเบียนขนส่งจังหวัดนนทบุรี กรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม และประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 33, 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 (ที่ถูกมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265) จำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารจึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมกระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง (ที่ถูกมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ตามมาตรา 268 วรรคสอง) จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 หยิบยกข้อเท็จจริงว่าจำเลยทราบมาก่อนแล้วว่ารถยนต์คันที่จำเลยขับในขณะเกิดเหตุมิได้เสียภาษีมาตั้งแต่ปี 2541 แต่ยังขืนนำออกใช้ เป็นเหตุให้ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลย แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวโจทก์มิได้บรรยายฟ้อง จึงเป็นการนำข้อเท็จจริงนอกฟ้องมาลงโทษในทางที่เป็นผลร้ายแก่จำเลย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้หยิบยกเอาข้อเท็จจริงที่ได้มาจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติซึ่งจำเลยทราบแล้วไม่ได้โต้เถียงหรือคัดค้านมากล่าวในคำพิพากษาประกอบการพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการร้ายแรงหรือไม่ เพียงใด เพื่อที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 จะได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าสมควรจะลงโทษหรือรอการลงโทษให้แก่จำเลย จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้องแต่อย่างใด คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงขอให้ใช้ดุลพินิจรอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า จำเลยปลอมแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ซึ่งเป็นเอกสารราชการ และใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบต่อประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นความเสียหายโดยตรงในทางสาธารณะ ทั้งเป็นการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีรถยนต์ให้แก่รัฐตามกฎหมายอีกด้วย พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ลำพังแต่จำเลยมีภาระต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวซึ่งเป็นเหตุผลและความจำเป็นส่วนตัว ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้วไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน”
พิพากษายืน

Share