แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ทรัพย์ที่เป็นอันตรายจากการวางเพลิงของจำเลยเป็นเพียงประตูบ้านซึ่งทำด้วยไม้มะค่าและต้นไม้ประดับ คิดเป็นเงินประมาณ 5,000 บาท ถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่มีราคาน้อย และขณะเกิดเหตุผู้เสียหายก็อยู่ในที่เกิดเหตุและสามารถดับไฟได้ทัน การกระทำของจำเลยจึงไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น กรณีเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218(1) ประกอบด้วยมาตรา 223
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายวิลัย สร้อยไข และนางกองสี สร้อยไข ผู้เสียหายทั้งสอง โดยไม่มีเหตุสมควรโดยไม่ได้รับอนุญาต และขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย จากนั้นจำเลยได้วางเพลิงเผาบ้านอันเป็นโรงเรือนที่ผู้เสียหายทั้งสองอยู่อาศัยโดยใช้น้ำมันเบนซินราดที่ประตูบ้านแล้วจุดไฟเผา เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ แต่ผู้เสียหายดับไฟทันก่อนที่จะลุกไหม้รุนแรงต่อไป จึงเพียงแต่เป็นเหตุให้ประตูบ้านซึ่งทำด้วยไม้มะค่าและต้นไม้ประดับถูกเพลิงไหม้เสียหายคิดเป็นเงินประมาณ5,000 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมกระป๋องบรรจุน้ำมันเบนซิน1 กระป๋องและไฟแช็กแก๊ส 1 อัน ซึ่งเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเลยใช้ในการวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้เสียหาย เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 218, 364, 365 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218(1) ให้จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ริบของกลาง ฟ้องโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 223 หรือไม่ เห็นว่า ทรัพย์ที่เป็นอันตรายจากการวางเพลิงของจำเลยเป็นเพียงประตูบ้าน ซึ่งทำด้วยไม้มะค่าและต้นไม้ประดับคิดเป็นเงินประมาณ5,000 บาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่มีราคาน้อย และขณะเกิดเหตุผู้เสียหายทั้งสองก็อยู่ในเกิดเหตุและสามารถดับไฟได้ทัน การกระทำของจำเลยจึงไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218(1) ประกอบด้วยมาตรา 223 ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น…”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218(1) ประกอบด้วยมาตรา 223 ให้จำคุก 2 ปี และปรับ 6,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปีและปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติจำเลยไว้ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด ให้จำเลยละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดทำนองนี้อีก กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 30 ชั่วโมงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4