คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4030/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในการไต่สวนมูลฟ้อง ตัวโจทก์อ้างตนเองเป็นพยานทนายจำเลยถามค้านโดยให้ตัวโจทก์ดูลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจ ตัวโจทก์เบิกความว่าลายมือชื่อดังกล่าวเป็นลายมือชื่อที่โจทก์เซ็นไว้จริงถึงแม้จะเบิกความต่อไปอีกว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปกรอกข้อความเองภายหลัง ครั้งแรกโจทก์เซ็นชื่อไว้ในกระดาษเปล่าก็ไม่เป็นการลบล้างคำเบิกความในส่วนที่ยอมรับว่าโจทก์ได้เซ็นชื่อไว้ในหนังสือมอบอำนาจจริง ฝ่ายจำเลยจึงมีสิทธิส่งเอกสารฉบับนี้ ซึ่งมีลายมือชื่อของโจทก์ปรากฏอยู่ในช่องผู้รับมอบอำนาจต่อศาลเพื่อประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น มิใช่การนำพยานเข้าสืบจึงไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 165.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350,83, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นรับฟังหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย ล.9 ที่จำเลยที่ 1 ส่งศาลในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165บัญญัติว่า จำเลยไม่มีอำนาจนำพยานเข้าสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแต่ทั้งนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิในการที่จำเลยจะมีทนายมาช่วยเหลือในการไต่สวนมูลฟ้องคดีนี้ ตัวโจทก์อ้างตนเองเป็นพยาน ทนายจำเลยถามค้านโดยให้ตัวโจทก์ดูลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย ล.9 ตัวโจทก์เบิกความว่าลายมือชื่อดังกล่าวเป็นลายมือชื่อที่โจทก์เซ็นไว้จริงถึงแม้จะเบิกความต่อไปอีกว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปกรอกข้อความเองภายหลัง ครั้งแรกโจทก์เซ็นชื่อไว้ในกระดาษเปล่าก็ไม่เป็นการลบล้างคำเบิกความในส่วนที่ยอมรับว่าโจทก์ได้เซ็นชื่อไว้ในหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย ล.9 จริง ฝ่ายจำเลยจึงมีสิทธิส่งเอกสารฉบับนี้ ซึ่งมีลายมือชื่อของโจทก์ปรากฏอยู่ในช่องผู้มอบอำนาจต่อศาลเพื่อประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น มิใช่การนำพยานเข้าสืบ จึงไม่ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น การที่ศาลชั้นต้นรับฟังเอกสารฉบับนี้ชอบด้วยกฎหมายแล้ว…”
พิพากษายืน

Share