แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่1ทำร้ายร่างกายโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสโจทก์มอบอำนาจให้ ร. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่1ต่อมาจำเลยที่1ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ร.จึงฟ้องจำเลยที่1ให้ชำระค่าเสียหายศาลชั้นต้นยกฟ้องเนื่องจากสัญญาประนีประนอมยอมความตกเป็นโมฆะดังนั้นสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นอันเสียเปล่าเท่ากับว่ามิได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกันถือไม่ได้ว่าหนี้ละเมิดที่จำเลยที่1กระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นมูลเหตุของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลยที่1ได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปและได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา852การฟ้องคดีดังกล่าวจึงไม่มีผลต่ออำนาจฟ้องของโจทก์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่1ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดคดีนี้
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง เป็น สามี ภริยา กัน เมื่อ วันที่17 พฤศจิกายน 2534 จำเลย ที่ 1 ยักยอก กล้อง วีดีโอ สี ดำ และ ทำให้กล้อง ดังกล่าว ใช้ งาน ไม่ได้ ต่อมา จำเลย ที่ 1 กับพวก อีก 9 คนบุกรุก เข้า ไป ใน บ้าน โจทก์ แล้ว จำเลย ที่ 1 ใช้ ไม้ ตี ศีรษะ โจทก์ 1 ครั้งเป็นเหตุ ให้ โจทก์ ได้รับ อันตรายสาหัส ส่วน จำเลย ที่ 2 ร่วม กับจำเลย ที่ 1 นำ กล้อง วีดีโอ ของ โจทก์ ไป ซุกซ่อน และ ทำให้ กล้อง วีดีโอชำรุด เสียหาย นอกจาก นั้น จำเลย ที่ 2 ยัง ร่วม กับ จำเลย ที่ 1 กระทืบทำร้าย โจทก์ ด้วย การกระทำ ของ จำเลย ทั้ง สอง ดังกล่าว เป็น การ ละเมิดต่อ โจทก์ ทำให้ โจทก์ เสียหาย ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง ชำระ เงิน101,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้องเป็นต้น ไป
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ว่า โจทก์ มึนเมา สุรา ได้ นำ กล้อง วีดีโอมา ฝาก จำเลย ที่ 1 ไว้ หลังจาก นั้น โจทก์ มา ทวงถาม กล้อง วีดีโอ จากจำเลย ที่ 1 จำเลย ที่ 1 ว่า ได้ นำ กล้อง วีดีโอ ไป คืน แก่ นาง ราตรี แตงโสภา ภริยา โจทก์ แล้ว แต่ โจทก์ ไม่ เชื่อ และ ว่า จำเลย ที่ 1ยักยอก เอา กล้อง วีดีโอ ของ โจทก์ ไป ทั้ง ด่า ว่า จำเลย ที่ 1 ด้วย ถ้อยคำหยาบคาย และ ชกต่อย จำเลย ที่ 1 จำเลย ที่ 1 ใช้ ไม้ฟืน ตี โจทก์ ไป 1 ครั้งด้วย ความ โกรธ หลัง เกิดเหตุ จำเลย ที่ 1 กับ นาง ราตรี ตกลง ระงับ ข้อพิพาท ทั้ง ทางแพ่ง และ ทางอาญา โดย จำเลย ที่ 1 ชดใช้ ค่าเสียหายแก่ โจทก์ 50,000 บาท จำเลย ที่ 1 ชำระ ไป แล้ว 35,000 บาท คงเหลือ อยู่15,000 บาท ได้ ทำ สัญญา ประนีประนอม ยอมความ กัน ไว้ ต่อมา โจทก์ไป ร้องทุกข์ ต่อ พนักงานสอบสวน ให้ ดำเนินคดี แก่ จำเลย ที่ 1 จำเลย ที่ 1จึง ยัง ไม่ชำระ เงิน ที่ ค้าง ดังกล่าว เมื่อ จำเลย ที่ 1 ตกลง กับ โจทก์ แล้วทำให้ ข้อพิพาท ต่าง ๆ ที่ มี อยู่ ต่อ กัน ระงับ ไป โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้อง เรียก ค่าเสียหาย ใด ๆ อีก นอกจาก เงิน ที่ เหลือ 15,000 บาทเท่านั้น จำเลย ที่ 1 ไม่ได้ ทำให้ กล้อง วีดีโอ ของ โจทก์ เสียหายโจทก์ ไม่เสีย หาย ถึง 60,000 บาท ส่วน จำเลย ที่ 2 ไม่ได้ เกี่ยวข้องกับ กล้อง วีดีโอ ของ โจทก์ และ ไม่รู้ เห็น เรื่อง ที่ โจทก์ ถูก ชกต่อยทำร้าย และ เรื่อง ที่ จำเลย ที่ 1 ใช้ ไม้ ตี โจทก์ ฟ้องโจทก์ เป็น ฟ้องซ้ำกับ คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 49/2535 ของ ศาลแขวง นครราชสีมา ซึ่ง ในคดี ดังกล่าว โจทก์ และ นาง ราตรี ฟ้อง จำเลย ที่ 1 ให้ ชำระ เงิน 15,000 บาท ที่ จำเลย ที่ 1 ค้างชำระ อยู่ ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความศาลแขวง นครราชสีมา มี คำพิพากษา ยกฟ้อง และ คดีถึงที่สุด แล้วขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ที่ 1 ชำระ เงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่าจะ ชำระ เสร็จ ให้ แก่ โจทก์ ยกฟ้อง จำเลย ที่ 2
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกา ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า จำเลย ที่ 1 ทำร้ายร่างกาย โจทก์ได้รับ อันตรายสาหัส ต่อมา เมื่อ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2534 ภายหลังเกิดเหตุ นาง ราตรี แตงโสภา ภริยา โจทก์ ซึ่ง รับมอบ อำนาจ จาก โจทก์ ได้ ทำ สัญญา ประนีประนอม ยอมความ กับ จำเลย ที่ 1 ความ ว่า จำเลย ที่ 1ยอม ชดใช้ ค่าเสียหาย ให้ แก่ โจทก์ เป็น เงิน 50,000 บาท และ โจทก์จะ ไม่ ดำเนินการ ฟ้องร้อง คดีแพ่ง คดีอาญา เอา แก่ จำเลย ที่ 1 อีกจำเลย ที่ 1 ชำระ ค่าเสียหาย ให้ แก่ โจทก์ ใน วัน ทำ สัญญา ประนีประนอมยอมความ 35,000 บาท ส่วน ที่ เหลือ อีก 15,000 บาท จะ นำ มา ชำระใน วันที่ 19 ธันวาคม 2534 ต่อมา จำเลย ที่ 1 ไม่ชำระ ค่าเสียหายส่วน ที่ เหลือ ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ ให้ แก่ โจทก์ ภริยา โจทก์จึง ฟ้อง จำเลย ที่ 1 ให้ ชำระ ค่าเสียหาย ดังกล่าว ศาลชั้นต้น วินิจฉัย ว่าสัญญา ประนีประนอม ยอมความ มี วัตถุประสงค์ ให้ ระงับ คดีอาญา แผ่นดินเป็น การ ขัด ต่อ ความสงบ เรียบร้อย และ ศีลธรรม อัน ดี ของ ประชาชน จึง ตกเป็นโมฆะ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 (เดิม ) พิพากษายก ฟ้องปรากฏ ตาม สำนวน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 49/2535 ของ ศาลแขวง นครราชสีมาโจทก์ จึง ฟ้อง จำเลย เป็น คดี นี้ และ วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า คดี ที่ภริยา โจทก์ ใช้ สิทธิ ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ ฟ้อง จำเลย ที่ 1และ ศาล พิพากษายก ฟ้อง เพราะ สัญญา ประนีประนอม ยอมความ เป็น โมฆะดังนั้น สัญญา ประนีประนอม ยอมความ ซึ่ง ภริยา โจทก์ โดย ได้รับ มอบอำนาจจาก โจทก์ ให้ เป็น ผู้ทำสัญญา เป็น อัน เสีย เปล่า เท่ากับ ว่า มิได้ มี การทำ สัญญา ประนีประนอม ยอมความ ต่อ กัน จึง ถือไม่ได้ว่า หนี้ ละเมิดที่ จำเลย ที่ 1 กระทำ ต่อ โจทก์ ซึ่ง เป็น มูลเหตุ ของ การ ทำสัญญา ประนีประนอม ยอมความ ที่ โจทก์ และ จำเลย ที่ 1 ได้ ยอม สละ นั้นระงับ สิ้นไป และ ได้ สิทธิ ตาม ที่ แสดง ใน สัญญา ประนีประนอม เป็น ของ โจทก์และ จำเลย ที่ 1 ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 การ ฟ้องคดี ดังกล่าว จึง ไม่มี ผล ต่อ อำนาจฟ้อง ของ โจทก์ โจทก์ จึง มีอำนาจ ฟ้องให้ จำเลย ที่ 1 ชดใช้ ค่าสินไหมทดแทน ฐาน ละเมิด เป็น คดี นี้
พิพากษายืน