คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายมาขอเงินจำเลยซึ่งเป็นภริยาไปซื้อสุราแล้วครั้งหนึ่ง ต่อมาผู้ตายกลับมาขอเงินไปซื้อสุราอีก เมื่อจำเลยบอกว่าไม่มีให้ ผู้ตายก็บีบคอจำเลยและพูดว่า ไม่ให้จะฆ่า จำเลยหายใจไม่ออก จึงดิ้นไปมาและหยิบเอามีดโต้ซึ่งวางอยู่แถวหัวนอนฟันผู้ตาย เพื่อป้องกันขัดขวางไม่ให้ผู้ตายบีบคอจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัว แต่การที่จำเลยใช้มีดโต้ขนาดใหญ่ฟันผู้ตายที่ศีรษะ 4 แผล กะโหลกศีรษะแตกและถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การว่า ทำร้ายผู้ตายเพื่อป้องกันตน มิได้กระทำผิดตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ จำคุก ๕ ปี ริบมีดของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๙ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้ใช้มีดโต้ฟันนายเริ่ม สุทธิฤกษ์ สามีของจำเลยถึงแก่ความตายบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยใช้มีดขนาดใหญ่ฟันผู้ตายที่ศีรษะถึง ๔ แผล กะโหลกศีรษะแตก พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องนั้น เห็นว่า จำเลยเป็นภริยาของผู้ตายได้อยู่กินด้วยกันตลอดมา มีบุตร ๗ คน ก่อนเกิดเหตุไม่ปรากฏว่า จำเลยกับผู้ตายมีเรื่องโกรธเคืองกันถึงขนาดจำเลยจะฆ่าผู้ตายแต่อย่างใดตามคำเบิกความของนายสังเวียน หงษ์ทอง ว่า วันเกิดเหตุผู้ตายได้มาดื่มสุราและรับประทานอาหารด้วยกันที่บ้านพยานจนถึงเวลาประมาณ ๑๙ นาฬิกา ผู้ตายเมาสุราจึงพามาส่งที่ห้างนาเมื่อมาถึงเห็นจำเลยอยู่ที่ห้างนาคนเดียว จำเลยเบิกความว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ ๑๙ นาฬิกา ผู้ตายมาขอเงิน จำเลยมีเงินอยู่เพียง ๑๓ บาท ให้ผู้ตายไป ๑๐ บาท ต่อมาเวลาประมาณ ๒๒ – ๒๓ นาฬิกา ผู้ตายกลับมาของเงินไปซื้อสุราอีก จำเลยบอกว่าไม่มีให้ ผู้ตายจึงบีบคอจำเลยและพูดว่าไม่ให้จะฆ่า จำเลยถูกบีบคอแน่นรู้สึกหายใจไม่ออก จึงดิ้นไปดิ้นมา และหยิบมีดโต้ซึ่งวางอยู่แถวหัวนอนโดยเข้าใจว่าเป็นท่อนไม้ฟันผู้ตายหนึ่งหรือสองที ผู้ตายจึงเลิกบีบคอและเดินลงจากห้องพาหนีไป คำเบิกความของนายสังเวียนพยานโจทก์เจือสมข้อนำสืบของจำเลย การที่จำเลยเอามีดโต้ซึ่งวางอยู่แถวหัวนอนฟันผู้ตายก็เพื่อป้องกันขัดขวางไม่ให้ผู้ตายบีบคอจำเลย แต่จำเลยใช้มีดโต้ขนาดใหญ่ฟันผู้ตายที่ศีรษะ ๔ แผล ลักษณะบาดแผลตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ กะโหลกศีรษะแตกและถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share