คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3757/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดก ต่อมาจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้เงินกู้ของเจ้ามรดกที่ได้กู้เงินไปจากโจทก์ โดยจำเลยตกลงว่าหากจำเลยได้รับมรดกมาเป็นจำนวนเท่าใดจำเลยจะชำระหนี้ดังกล่าวทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์จนครบ ถ้าทรัพย์มรดกที่จำเลยได้รับมาไม่พอแก่การชำระหนี้จำเลยจะยกทรัพย์มรดกที่รับมาทั้งหมดให้โจทก์ ดังนั้น การที่จำเลยไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ก็ดีหรือจำเลยไม่โอนทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์ ล้วนแต่เป็นการผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญารับสภาพหนี้ที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์เท่านั้น โจทก์ชอบที่จะฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้หรือเรียกเอาค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนอันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้นั้นได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 213 , 215 , 222 หรือมาตรา 224 แล้วแต่กรณี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 163,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ คดีได้ความตามคำฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของนางตั้ง ทัดเศษ เจ้ามรดก ต่อมาจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้เงินกู้ของนางตั้งที่ได้กู้เงินโจทก์จำนวน 100,000 บาท โดยจำเลยตกลงว่าหากจำเลยได้รับมรดกของนางตั้งมาเป็นจำนวนเท่าใดก็ตาม จำเลยจะชำระหนี้ดังกล่าวทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์จนครบ ถ้าทรัพย์มรดกที่จำเลยได้รับมาไม่พอแก่การชำระหนี้ จำเลยจะยกทรัพย์มรดกที่รับมาทั้งหมดให้โจทก์ ซึ่งหลังจากนั้นจำเลยไม่ชำระหนี้ ทั้งได้โอนทรัพย์มรดกไปยังบุคคลอื่น โจทก์จึงต้องฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นให้ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้จำนวน 116,907 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 100,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดังนั้น การที่จำเลยประพฤติผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์ ทั้งได้โอนทรัพย์มรดกไปยังบุคคลอื่นถือเป็นการละเมิด เป็นเหตุให้โจทก์ต้องฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นดังกล่าว อันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำคดีไปฟ้องศาลเป็นเงิน 163,000 บาท เห็นว่า การที่จำเลยไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ก็ดี หรือจำเลยไม่โอนทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์อันจะเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็ดี ล้วนแต่เป็นการผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญารับสภาพหนี้ที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์เท่านั้น ฉะนั้น โจทก์ชอบที่จะฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้หรือเรียกเอาค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนอันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้นั้นได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 213 , 215 , 222 หรือมาตรา 224 แล้วแต่กรณี การกระทำของจำเลยตามฟ้องจึงมิใช่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ส่วนค่าเสียหายซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีฐานผิดสัญญาของโจทก์ดังกล่าวนั้น ก็มิใช่ผลโดยตรงอันเกิดจากการกระทำของจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างมาข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน จำเลยไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.

Share