แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญา โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาโดยไม่ปรากฏเหตุขัดข้อง ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องไปได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยจะมาศาลในวันนั้นด้วยหรือไม่ และจำเลยอยู่ในอำนาจศาลแล้วหรือไม่ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 และ 181 มีเจตนารมณ์เร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว มิให้มีการประวิงคดีจึงได้ กำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด มิฉะนั้นย่อมเสี่ยงต่อการที่จะถูกยกฟ้องอันเป็นผลเสียต่อคดีของโจทก์เอง กรณีเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับศาล หาได้เกี่ยวข้องกับจำเลยแต่ประการใดไม่
ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ในการขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ว่า โจทก์จำเวลานัดคลาดเคลื่อนไปนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2530).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาหมายเรียกจำเลยมาให้การและนัดสืบพยานโจทก์ในวันเดียวกัน
ครั้นถึงวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ โจทก์และจำเลยไม่มาศาลศาลชั้นต้นจึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่าการยกฟ้องไม่ชอบ ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่า ในกรณีที่ประทับฟ้องไว้แล้ว เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ หากโจทก์จำเลยไม่มาศาล ศาลต้องเลื่อนคดีไปแล้วออกหมายจับจำเลยเพื่อให้ได้ตัวจำเลยมาอยู่ในอำนาจศาลเสียก่อน ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์ไปทันทีไม่ได้นั้น
พิเคราะห์แล้ว บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖ และ ๑๘๑ ได้กำหนดหน้าที่ของโจทก์ว่า ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดีโจทก์จะต้องมาศาลตามนัด มิฉะนั้นก็ให้ศาลยกฟ้องเสีย เว้นแต่จะมีเหตุสมควรศาลจึงจะเลื่อนคดีไป จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะเร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว มิให้มีการประวิงคดี จึงได้กำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด มิฉะนั้นย่อมเสี่ยงต่อการที่จะถูกยกฟ้องอันเป็นผลเสียต่อคดีของโจทก์เอง กรณีจึงเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับศาลหาได้เกี่ยวข้องกับจำเลยแต่ประการใดไม่ ดังนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาโดยไม่ปรากฏเหตุขัดข้องแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องไปได้โดยไม่จำต้องคำนึงว่าจำเลยจะมาศาลในวันนั้นด้วยหรือไม่ ฎีกาของโจทก์ที่โต้แย้งว่า ศาลควรเลื่อนคดีไป แล้วออกหมายจับจำเลยเพื่อให้ได้ตัวจำเลยมาอยู่ในอำนาจศาลเสียก่อน เพราะปรากฏว่าจำเลยก็ไม่มาศาลในวันนัดดังกล่าวด้วยศาลจะด่วนพิพากษายกฟ้องโจทก์ไปทันที่ไม่ได้ นั้น จึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น
สำหรับปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่อ้างว่า โจทก์จำเวลานัดของศาลคลาดเคลื่อนไป สมควรที่ศาลจะได้ทำการไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งในเรื่องนี้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้ออ้างดังกล่าวแม้จะเป็นความจริงตามที่โจทก์ฎีกา ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่ศาลจะต้องทำการไต่สวนเสียก่อนมีคำสั่ง การที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตามคำร้องของโจทก์จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน.