คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2395/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากฮ. ที่ผู้ร้องอ้างว่าฮ. เป็นผู้ลงทุนในบริษัทจำเลยแต่เพียงผู้เดียวแต่ให้บุคคลอื่นเป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทเนื่องจากฮ. ถูกจำกัดสิทธิเพราะเป็นบุคคลต่างด้าวข้ออ้างของผู้ร้องเป็นเรื่องระหว่างฮ.กับจำเลยไม่เกี่ยวกับคดีนี้ฮ. มีสิทธิในบริษัทจำเลยเพียงใดคงมีอยู่อย่างนั้นไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามมาตรา57(1)ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของฮ. เพื่อจัดการทรัพย์สินของฮ. นั้นการตั้งผู้แทนเฉพาะคดีตามมาตรา56วรรคท้ายเป็นเรื่องที่ผู้ไร้ความสามารถไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้คดีนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้ฮ. ร่วมรับผิดกับจำเลยเป็นส่วนตัวทั้งฮ. ไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถหากผู้ร้องเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากฮ.ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะนำไปใช้ในกิจการตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินที่จำเลยกู้ยืมไปจากโจทก์และออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ไว้พร้อมดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน27,895,890.41 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปี ในต้นเงิน25,000,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระขอให้บังคับจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยขายทอดตลาดชำระหนี้จนครบ
จำเลย ขาดนัด ยื่นคำให้การ
ก่อนสืบพยานโจทก์ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเดิมผู้ร้องเป็นภรรยาของนายฮาร์วี่ หลิว และขณะนี้เป็นผู้รับมอบอำนาจของนายฮาร์วี่ หลิว กรรมการบริษัทจำเลยในการจัดการทรัพย์สมบัติหรือสิทธิประโยชน์ทั้งหมดแทนในขณะที่นายฮาร์วี่ หลิว ไม่อยู่บริษัทจำเลยเป็นกิจการที่ลงทุนโดยทรัพย์ของนายฮาร์วี่ หลิวเพียงผู้เดียว ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2533 นายฮาร์วี่ หลิวได้หายไปจากภูมิลำเนาโดยไม่ทราบข่าวคราว ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทำให้กิจการของบริษัทจำเลยหยุดชะงัก ผู้ร้องเพิ่งทราบว่าบริษัทจำเลยถูกฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2534เนื่องจากผลแห่งคำพิพากษาหรือการบังคับตามคำพิพากษาคดีนี้เป็นผลโดยตรงต่อนายฮาร์วี่ หลิว ผู้ร้องในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากนายฮาร์วี่ หลิว จึงจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของนายฮาร์วี่ หลิว จึงให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้แทนของนายฮาร์วี่ หลิวเฉพาะคดีนี้เพื่อจัดการทรัพย์สินของนายฮาร์วี่ หลิวในคดีนี้ต่อไป
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้จดทะเบียนสมรสกับนายฮาร์วี่ หลิว จึงมิได้เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายผู้ร้องไม่ได้เป็นผู้รับมอบอำนาจจากนายฮาร์วี่ หลิว ที่ผู้ร้องอ้างว่าบริษัทจำเลยลงทุนโดยนายฮาร์วี่ หลิว เพียงผู้เดียวนั้นความจริงนายฮาร์วี่ หลิว มิได้เกี่ยวข้องกับบริษัทจำเลยแต่ประการใด ทั้งมิได้เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลยด้วย ที่ดินทั้ง 6 โฉนดที่โจทก์ฟ้องมีชื่อบริษัทจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว เมื่อนายฮาร์วี่ หลิว มิได้เกี่ยวข้องและมิได้เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลย การหายไปจากภูมิลำเนาของนายฮาร์วี่ หลิว จึงไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของผู้ร้องแล้ว มีคำสั่งยกคำร้องสอดและคำร้องขอเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของผู้ร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินและบังคับจำนองเอาแก่ที่ดินที่จำเลยจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ไว้แก่โจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากนายฮาร์วี่ หลิว ที่ผู้ร้องอ้างว่านายฮาร์วี่ หลิวเป็นผู้ลงทุนในบริษัทจำเลยแต่เพียงผู้เดียว แต่ให้บุคคลอื่นเป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลยในหนังสือบริคณห์สนธิและมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น ทั้งนี้เพราะนายฮาร์วี่ หลิว ต้องการให้บริษัทจำเลยเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย เพื่อการซื้อที่ดินและพัฒนาขาย ซึ่งนายฮาร์วี่ หลิว ถูกจำกัดสิทธิดังกล่าว เพราะเป็นบุคคลต่างด้าว โดยบุคคลผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเหล่านั้นไม่ได้นำเงินมาลงทุนแต่อย่างใด ที่ดินซึ่งจำเลยนำไปจดทะเบียนจำนองไว้กับโจทก์ทั้ง 6 โฉนด เป็นที่ดินซึ่งนายฮาร์วี่ หลิวซื้อด้วยเงินของตนเองแต่ให้จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนแล้วต่อมานายฮาร์วี่ หลิว ได้มอบหมายให้นางสาววิไล ปันแก้วกรรมการบริษัทจำเลยนำที่ดินทั้ง 6 โฉนดไปจำนองไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันหนี้ของบริษัทจำเลย หากมีการบังคับจำนองตามฟ้องโจทก์โดยยึดที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์แล้วคงเหลือเงินจำนวนเท่าใดต้องคืนให้แก่นายฮาร์วี่ หลิวไม่ใช่คืนให้กับบริษัทจำเลย นายฮาร์วี่ หลิว จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย มีสิทธิร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) นั้น เห็นว่า ข้ออ้างของผู้ร้องดังกล่าวล้วนเป็นเรื่องระหว่างนายฮาร์วี่ หลิวกับจำเลยทั้งสิ้นไม่เกี่ยวกับคดีนี้ นายฮาร์วี่ หลิว มีสิทธิในบริษัทจำเลยเพียงใดคงมีอยู่อย่างนั้น ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) แต่อย่างใด ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของนายฮาร์วี่ หลิว เพื่อจัดการทรัพย์สินของนายฮาร์วี่ หลิว ต่อไปนั้น เห็นว่า การตั้งผู้แทนเฉพาะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคท้ายเป็นเรื่องที่ผู้ไร้ความสามารถไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้ คดีนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้นายฮาร์วี่ หลิว ร่วมรับผิดกับจำเลยเป็นส่วนตัวทั้งนายฮาร์วี่ หลิว ไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถ หากผู้ร้องเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากนายฮาร์วี่ หลิว ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะนำไปใช้ในกิจการตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียม ชั้นฎีกา ให้ เป็น พับ

Share