คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3753/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกล่าวหาและจับกุมจำเลยดำเนินคดีนี้ แม้มีมูลเหตุสืบเนื่องมาจากคำซัดทอดของ ศ. ที่ถูกจับกุมในคดีอื่น แต่ ศ. ให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนในคดีที่ ศ. เป็นผู้ต้องหาในวันเดียวกับวันที่ถูกจับกุม จึงเป็นการยากที่จะคิดปรุงแต่งเรื่องราวให้ผิดไปจากความจริงและในคดีดังกล่าว ศ. ให้การรับสารภาพ จึงมิใช่เป็นการซัดทอดเพื่อให้ตนเองพ้นผิดโดยปัดความผิดไปให้จำเลยเพียงผู้เดียว หากเป็นการบอกเล่าเรื่องราวในการกระทำความผิดของตนยิ่งกว่าการปรักปรำจำเลยเสียอีก ทั้ง ป.วิ.อ. มาตรา 7/1 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 ก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่า การสอบคำให้การในชั้นจับกุมของผู้ต้องหาซึ่งเป็นเด็กดังเช่น ศ. จะต้องกระทำต่อหน้านักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์หรือที่ปรึกษากฎหมายหรือบุคคลที่เด็กไว้วางใจ และไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดที่ห้ามมิให้นำคำให้การชั้นจับกุมของผู้ต้องหาในลักษณะดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของบุคคลอื่นหรือจำเลยในคดีอื่นแต่ประการใดทั้งสิ้น
จำเลยจ้างให้ ศ. ไปรับเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้วนำมาส่งให้จำเลย โดยใช้รถจักรยานยนต์ของจำเลย และจำเลยโทรศัพท์สั่งการ ศ. เมื่อ ศ. รับเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้ว ถือว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ ศ. ครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกับ ศ. กระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กรณีมิใช่ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๑๐๐/๑, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสาม (๒), ๖๖ วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ ๑๙ ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๖ ประกอบ มาตรา ๕๓ จำคุก ๓๓ ปี ๔ เดือน และปรับ ๖๖๖,๖๖๖.๖๖ บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒๒ ปี ๒ เดือน ๒๐ วัน และปรับ ๔๔๔,๔๔๔.๔๔ บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกิน ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๒ ปี ให้ยกคำขอริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐.๓๐ นาฬิกา ว่าที่ร้อยตำรวจโท เอกรักษ์ และร้อยตำรวจตรี วัชรินทร์ กับพวก เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรเขมราฐ จับกุมนายศุภกฤต ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน ๒,๙๖๔ เม็ด น้ำหนักสุทธิ ๒๙๗.๑๘๙ กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ ๕๑.๘๔๖ กรัม รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน สสท กรุงเทพมหานคร ๔๑๙ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลข ๐๙ ๙๐๒๔ xxxx ชั้นจับกุมแจ้งข้อหานายศุภกฤตว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นายศุภกฤต ให้การว่า รับเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากชายไทยไม่ทราบชื่อบริเวณป่าช้าบ้านนาสะอาด โดยมีนายตัส ไม่ทราบชื่อและชื่อสกุลจริง ราษฎรบ้านนายุงตำบลหนองนกทา อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี จ้างวานให้มารับเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวโดยใช้รถจักรยานยนต์ของนายตัส หลังจากรับเมทแอมเฟตามีนแล้วจะนำเมทแอมเฟตามีนไปให้นายตัสตามที่นัดหมาย ได้รับค่าจ้าง ๑๐,๐๐๐ บาท โดยนายตัสใช้โทรศัพท์หมายเลข ๐๘ ๑๓๙๐ xxxx ติดต่อสั่งการ และชั้นสอบสวนนายศุภกฤตให้การว่า รับจ้างมารับเมทแอมเฟตามีนให้นายตัส ต่อมาร้อยตำรวจตรี ปรวัตร จับกุมจำเลยได้ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า การกล่าวหาและจับกุมจำเลยดำเนินคดีนี้ แม้มีมูลเหตุสืบเนื่องมาจากคำซัดทอดของนายศุภกฤตที่ถูกจับกุมในคดีอื่น แต่นายศุภกฤตให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนในคดีที่นายศุภกฤตเป็นผู้ต้องหา ในวันเดียวกับวันที่ถูกจับกุม จึงเป็นการยากที่จะคิดปรุงแต่งเรื่องราวให้ผิดไปจากความจริง และในคดีดังกล่าวนายศุภกฤตให้การรับสารภาพ จึงมิใช่เป็นการซัดทอดเพื่อให้ตนเองพ้นผิดโดยปัดความผิดไปให้จำเลยเพียงผู้เดียว หากเป็นการบอกเล่าเรื่องราวในการกระทำความผิดของตนยิ่งกว่าการปรักปรำจำเลยเสียอีก ทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๓ ก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่า การสอบคำให้การในชั้นจับกุมของผู้ต้องหาซึ่งเป็นเด็กดังเช่นนายศุภกฤตจะต้องกระทำต่อหน้านักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์หรือที่ปรึกษากฎหมายหรือบุคคลที่เด็กไว้วางใจ และไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดที่ห้ามมิให้นำคำให้การชั้นจับกุมของผู้ต้องหาในลักษณะดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของบุคคลอื่นหรือจำเลยในคดีอื่นแต่ประการใดทั้งสิ้น ส่วนที่นายศุภกฤตให้การต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมและให้ถ้อยคำต่อพนักงานคุมประพฤติแตกต่างกันในเรื่องค่าจ้าง ก็เป็นเพียงรายละเอียดมิใช่สาระสำคัญจนเป็นข้อบ่งชี้ว่านายศุภกฤตให้การไม่อยู่กับร่องกับรอย ประกอบกับไม่ปรากฏจากคำเบิกความของว่าที่ร้อยตำรวจโท เอกรักษ์ ร้อยตำรวจตรี วัชรินทร์ และดาบตำรวจ คมกริช พยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมว่า ได้ทำร้ายร่างกายนายศุภกฤตเพื่อให้การ ส่วนที่นายศุภกฤตให้การเพื่อที่จะได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๐๐/๒ ก็เป็นสิทธิของนายศุภกฤต นอกจากนี้นายศุภกฤต ซึ่งจำเลยนำมาเป็นพยานก็เบิกความว่าไม่เคยมีสาเหตุทะเลาะวิวาทหรือโกรธเคืองกับจำเลย ส่วนที่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทเบาะแว้งกันเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก นายศุภกฤตไม่ได้คิดอะไรมาก และไม่เคยพูดขู่ว่าจะตีหรือทำร้ายจำเลย จึงเชื่อได้ว่านายศุภกฤตไม่มีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยจนถึงขั้นต้องปรักปรำจำเลย ดังนี้ คำให้การชั้นจับกุมของนายศุภกฤตจึงสามารถนำมาเป็นพยานหลักฐานประกอบคดีนี้เพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้ แม้นายศุภกฤตไม่ได้ให้การในชั้นจับกุมถึงชื่อและชื่อสกุลจริงของนายตัส แต่หลังจับกุมพยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมได้ให้นายศุภกฤตโทรศัพท์ติดต่อกับนายตัส ซึ่งในข้อนี้นายศุภกฤตเบิกความรับว่าได้โทรศัพท์ติดต่อกับจำเลยโดยบอกจำเลยตามที่เจ้าพนักงานตำรวจบอกไว้ การที่พนักงานสอบสวนไม่ได้ตรวจสอบไปยังเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ว่า หมายเลข ๐๘ ๑๓๙๐ xxxx เป็นของจำเลยจริงหรือไม่ จึงไม่ทำให้คำเบิกความของพยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมมีน้ำหนักลดน้อยลง ต่อมาเมื่อร้อยตำรวจตรี วัชรินทร์ทราบจากดาบตำรวจ วัฒนา เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรเขมราฐ ว่านายตัสที่นายศุภกฤตให้การถึงนั้น มีชื่อจริงว่านายศักดิ์ดา ซึ่งมีพฤติการณ์ในการเสพและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนแล้ว ร้อยตำรวจตรี วัชรินทร์จึงได้คัดข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของจำเลยให้นายศุภกฤตดู นายศุภกฤตก็ยืนยันว่าเป็นคนที่ว่าจ้างให้ไปรับเมทแอมเฟตามีนจริง ซึ่งการดูข้อมูลทะเบียนราษฎร์ดังกล่าวเป็นการยืนยันตัวบุคคลตามคำให้การชั้นจับกุมของนายศุภกฤตเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องนำภาพถ่ายของบุคคลอื่นมาปะปนกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของจำเลยแต่อย่างใด ในชั้นพิจารณาเมื่อจำเลยนำนายศุภกฤตมาเบิกความเป็นพยาน นายศุภกฤตก็เบิกความเจือสมกับคำให้การของตนว่าจำเลยเป็นผู้ว่าจ้างให้นายศุภกฤตให้ไปรับเมทแอมเฟตามีนและเจ้าพนักงานตำรวจให้นายศุภกฤตโทรศัพท์หาจำเลยจริง แม้โจทก์มิได้อ้างนายศุภกฤตเป็นพยาน แต่เมื่อจำเลยอ้างนายศุภกฤตเป็นพยาน ศาลก็สามารถนำคำเบิกความของนายศุภกฤตมารับฟังประกอบพยานโจทก์ได้ เมื่อพิจารณาคำซัดทอดของนายศุภกฤตประกอบข้อเท็จจริงที่ว่าหลังจากถูกจับกุมแล้วนายศุภกฤตโทรศัพท์ติดต่อจำเลยและชี้ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของจำเลย ทำให้คำซัดทอดของนายศุภกฤตประกอบไปด้วยเหตุผลและรับฟังเป็นความจริงได้ เป็นพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือในการพิสูจน์ความจริง คำซัดทอดของจำเลยจึงเป็นคำซัดทอดที่มีเหตุผลอันหนักแน่นอันควรแก่การเชื่อถือ และรับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗/๑ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๓ พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟัง ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยจ้างให้นายศุภกฤตไปรับเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้วนำมาส่งให้จำเลย โดยใช้รถจักรยานยนต์ของจำเลย และจำเลยโทรศัพท์สั่งการนายศุภกฤต เมื่อนายศุภกฤตได้รับเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้ว ถือว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับนายศุภกฤตครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกับนายศุภกฤตกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กรณีมิใช่ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๓ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๙ มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๕) พ.ศ.๒๕๕๙ ใช้บังคับ โดยมาตรา ๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๐ และให้ใช้ความใหม่แทน ซึ่งกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดเป็นคุณกว่ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด จึงให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าในทางใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓
พิพากษาแก้เป็นว่า หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ (ที่แก้ไขใหม่) โดยให้กักขังแทนค่าปรับได้เกิน ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share