คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3664/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หินอ่อนพิพาทมีผิวเรียบและหนาประมาณ 1.5 ถึง 3 เซนติเมตร เป็นรอยเว้าแหว่งเฉพาะที่ขอบเท่านั้น เห็นได้ว่ามิใช่เป็นการเลื่อยจากหินก้อนใหญ่ที่ระเบิดจากภูเขา หรือเลื่อยให้เป็นชิ้นใหญ่ ๆ หรือแผ่นหยาบ ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสะดวกแก่การยกเคลื่อนย้ายไปยังโรงงาน แต่เป็นการเลื่อยที่ประณีตมีลักษณะเรียบตรง และไม่ปรากฏรอยคล่องเลื่อย ถือได้ว่าเป็นหินอ่อนที่ตกแต่งแล้วจัดอยู่ในพิพกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 68.02 หาใช่หินอ่อนที่ยังไม่ผ่านการตกแต่ง ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ 25.15 ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าหินอ่อนที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นหินอ่อนที่ยังมิได้ตกแต่ง ต้องเสียภาษีอากรขาเข้าตามพิกัดอัตราอากรประเภทที่ ๒๕.๑๕ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งการประเมินเรียกเก็บค่าภาษีอากรเพิ่มของจำเลย
จำเลยให้การว่าหินอ่อนที่โจทก์นำเข้าเป็นหินอ่อนที่ตกแต่งแล้วเป็นของตามพิกัดอัตราอากรประเภทที่ ๖๘.๐๒ การประเมินชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งการประเมิน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ได้นำหินอ่อนพิพาทจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยเรือ HOUNIN หรือ NINA A. และแจ้งขอเสียภาษีอากรขาเข้าสำหรับหินอ่อนดังกล่าว เป็นประเภทหินอ่อนที่ยังไม่ได้ตกแต่งตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๕.๑๕ อัตรา ๓๐ เปอร์เซ็ต์ แต่เจ้าหน้าที่ของจำเลยเห็นว่า หินอ่อนดังกล่าวน่าจะเป็นหินอ่อนที่ตกแต่งแล้ว ต้องเสียภาษีอากรตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๖๘.๐๒ อัตรา ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ของราคาหรือกิโลกรัมละ ๑๐ บาท เจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงส่งหินอ่อนตัวอย่างไปยังศุลกากรสถานเพื่อให้กองวิเคราะห์สินค้า กรมศุลกากร ตรวจสภาพของหินอ่อนก่อนผ่านพิธีศุลกากร แต่โจทก์ประสงค์จะให้หินอ่อนผ่านพิธีศุลกากรไปก่อน เจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงให้โจทก์ชำระภาษีอากรตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๕.๑๕ อัตรา ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ของราคาไปก่อนเป็นจำนวนเงิน ๖๗,๘๒๒.๔๙ บาทและให้โจทก์วางเงินประกันเพิ่มเติมจนครบตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๖๘.๐๒ อัตรา ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งโจทก์ได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารสหธนาคาร จำกัด จำนวนเงิน ๒,๑๕๐,๐๐๐ บาท มอบให้จำเลยยึดถือไว้ แล้วโจทก์ได้รับอนุญาตให้นำหินอ่อนผ่านพิธีการศุลกากรไป ต่อมากองวิเคราะห์สินค้าของจำเลยได้ตรวจวิเคราะห์อย่างหินอ่อนพิพาทแล้ว ทำรายงานเสนอต่อกองพิกัดอัตราศุลกากรว่า หินอ่อนพิพาทเป็นหิน CALCAREOUS ROCK ชนิด MABLE สีชมภู ลักษณะเนื้อละเอียดและแน่นมี COLCITE VEIN สีขาวแทรกอยู่ทั่วไปได้จัดนำเข้ามาในลักษณะเป็น SLAB หรือ SHEET ความหนาประมาณ ๑ นิ้วฟุตเศษ ผ่านการคัดหรือเลื่อยมาเป็นแผ่นอย่างหยาบและยังมิได้ผ่านการขัดมันขอบหรือริมมีลักษณะไม่เรียบยังมิได้ผ่านการตัดหรือตกแต่งให้เป็นรูปร่างที่แน่นอนกองพิกัดอัตราศุลกากรพิจารณาแล้วให้จัดหินอ่อนพิพาทเข้าอยู่ในประเภท ๖๘.๐๒ ซึ่งต้องเสียภาษีอากรในอัตรา ๘๐ เปอร์เซ็นต์ หรือกิโลกรัมละ ๑๐ บาท จึงมีหนังสือแจ้งให้โจทก์เสียภาษีอากรเพิ่มเติมจำนวนเงินที่ธนาคารสหธนาคาร จำกัด วางหนังสือค้ำประกันไว้ มีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้เพียงว่า หินอ่อนพิพาทเป็นหินอ่อนที่ตกแต่งแล้วตามพิกัดอัตราศุลกากร ประเภทที่ ๖๘.๐๒ ซึ่งต้องเสียภาษีอากร อัตรา ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของราคาหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ตามที่โจทก์ฟ้องว่าหินอ่อนพิพาทเป็นหินอ่อนที่ยังตัดไม่ได้ขนาด ยังไม่ได้ขัดมัน และยังไม่ได้ตกแต่งขอบและริมให้เรียบพร้อมจะใช้งาน กองวิเคราะห์สินค้าของจำเลยเองได้วิเคราะห์ตัวอย่างหินอ่อนดังกล่าวแล้วมีความเห็นว่า ผ่านการตัดหรือเลื่อยมาเป็นแผ่นอย่างหยาบและยังไม่ได้ขัดมัน ขอบหรือริมมีลักษณะไม่เรียบ ยังไม่ได้ขัดหรือตกแต่งให้เป็นรูปร่างที่แน่นอน จึงเป็นการวิเคราะห์ที่มีข้อเท็จจริงสนับสนุนว่า หินอ่อนพิพาทเป็นหินอ่อนที่ยังไม่ได้ตกแต่งเข้าพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๕.๑๕ ซึ่งข้อนี้จำเลยปฏิเสธ โดยจำเลยนำสืบว่าก่อนจะมีกรณีพิพาทคดีนี้ เคยมีปัญหาในการจัดประเภทพิกัดอัตราศุลกากรเกี่ยวกับสินค้าหินอ่อนเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาปัญหาพิกัดอัตราศุลกากร เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ ตามระเบียบวาระประชุมคณะกรรมการพิจารณาปัญหาพิกัดอัตราศุลกากร เอกสารหมาย ล.๔ พอจะสรุปได้ว่าในการนำหินอ่อนตามธรรมชาติมาใช้เป็นประโยชน์ได้ จะต้องกระทำตามขั้นตอน ๓ ประการ กล่าวคือ ในขั้นแรกการทำเหมืองโดยวิธีระเบิดหินออกมาเป็นก้อนใหญ่ ๆ เป็นขั้นแรกขั้นต่อไปนำหินที่ระเบิดแล้ว มาสกัดหรือเลื่อยเป็นชิ้นใหญ่ ๆ หรือเป็นแผ่นอย่างหยาบ ๆ ทั้งนี้ยังไม่มีการตกแต่งแต่อย่างใด กรรมวิธีสองขั้นตอนนี้ คณะกรรมการพิจารณาปัญหาพิกัดอัตราศุลกากรลงความเห็นว่า หินอ่อนยังคงอยู่ในสภาพธรรมชาติ ควรจัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๕.๑๕ ซึ่งเป็นตอนที่ระบุไว้ว่าเป็นหินอ่อนที่ยังไม่สำเร็จรูป หรือตกแต่ง หากพ้นขั้นตอนนี้ไปแล้ว มีการตกแต่ง เลื่อย สกัด แม้จะเป็นแผ่น แท่ง ท่อน ก็จัดว่าเป็นหินอ่อนที่ตกแต่งสำเร็จรูปแล้ว จัดอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๖๘.๐๒ จากความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาปัญหาพิกัดอัตราศุลกากรดังกล่าวนี้ ได้พิจารณาคำเบิกความของนายปรีชา เรืองมาษ พยานจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการโรงงานหินอ่อน จังหวัดสระบุรี สำเร็จการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ ระดับปริญญาตรี และมีประสบการณ์ทางด้านหินอ่อนมาประมาณ ๔ ปี ได้ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำหินอ่อนธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ โดยทำเป็นขั้นตอนทำนองเดียวกับรายงานการประชุมของคณะกรรมการพิจารณาปัญหาพิกัดอัตราศุลกากร เอกสารหมาย ล.๔ ว่าขั้นแรกจะตัดหินจากภูเขาออกเป็นแห่งใหญ่ ๆ ขนาดกว้าง ๑.๕๐ เมตร ถึง ๓ เมตร ยาวประมาณ ๑๕ เมตรและสูงประมาณ ๒ – ๓ เมตร ขั้นต่อไปจะต้องตัดซอยแท่งหินออกมีขนาดกว้างประมาณ ๑.๕ เมตรถึง ๒ เมตร ยาวประมาณ ๒ – ๓ เมตร และสูงประมาณ ๑.๕๐ ถึง ๒ เมตร ตามขั้นตอนนี้ถือว่าหินอ่อนนั้นยังเป็นวัตถุดิบอยู่ กรมศุลกากรจัดว่าเป็นหินอ่อนยังไม่สำเร็จรูป และอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๕.๑๕ ศาลฎีกาได้นำตัวอย่างหินอ่อนพิพาท มาพิจารณาเปรียบเทียบกับคำเบิกความของนายปรีชา ปรากฏว่าลักษณะหินอ่อนตามตัวอย่างมีผิวเรียบและหนาประมาณ ๑.๕ ถึง ๓ เซนติเมตร เป็นรอยเว้าแหว่งเฉพาะที่ขอบแท่านั้น เห็นได้ว่ามิใช่เป็นการเลื่อยจากหินก้อนใหญ่ที่ระเบิดจากภูเขาหรือเลื่อยให้เป็นชิ้นใหญ่ ๆ หรือแผ่นหยาบ ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสะดวกแก่การยกเคลื่อนย้ายไปยังโรงงาน แต่เป็นการเลื่อยที่ประณีตมีลักษณะเรียบตรง และไม่ปรากฏรอยคลองเลื่อย ถือได้ว่าเป็นหินก่อสร่างที่ตกแต่งแล้ว แม้โจทก์จะโต้แย้งว่ากองวิเคราะห์สินค้าของจำเลยวิเคราะห์ว่าหินอ่อนพิพาทเป็นหินที่ยังไม่ได้ผ่านการตัดหรือตกแต่งให้เป็นรูปร่างที่แน่นอน แต่ผลวิเคราะห์ดังกล่าวเป็นเพียงรายงานตามสภาพของหินอ่อนพิพาทว่ามีรูปร่างลักษณะอย่างใดเท่านั้น หาได้ระบุยืนยันว่าเป็นหินอ่อนที่ยังไม่ได้ผ่านการตกแต่งตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๕.๑๕ แต่อย่างใด เห็นว่าสินค้าพิพาทเป็นหินอ่อนที่ตกแต่งแล้วอยู่ในพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๖๘.๐๒ อัตราอากรร้อยละ ๘๐ จำเลยประเมินอากรสินค้าพิพาทถูกต้องและชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share