คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2787/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดก เมื่อศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทมิได้เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินมรดกแล้ว แม้ในชั้นฎีกาจะมีเพียงโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นฎีกา โดยจำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาด้วยแต่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินทรัพย์มรดกของนางลูกจันทร์ ศิลป์ประเสริฐ หรือจัน สินประเสริฐ ผู้ตาย ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท ทำที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิมและมิให้เข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยทั้งสองคืนที่พิพาทแก่โจทก์หากไม่สามารถคืนได้ให้ชดใช้ราคาที่ดิน
จำเลยทั้งสองให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมและจำเลยที่ ๒ ได้ครอบครองมาโดยสงบเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๑๙ อันเป็นมรดกของผู้ตาย จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยถึงค่าเสียหายพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๑๙ อันเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตาย พิพากษากลับให้บังคับจำเลยไปตามคำขอของโจทก์
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๑๙ อันเป็นมรดกของนางลูกจันทร์ผู้ตาย ฎีกาของจำเลยที่ ๒ ฟังขึ้นและเนื่องจากจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่พิพาท กรณีเป็นเรื่องการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงชอบที่จะพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ ๑ ที่มิได้ฎีกาด้วย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share