คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยร้องบอกให้ อ.ยิงผู้เสียหาย และร่วมกับ อ.ยิงผู้เสียหาย โดยเข้าไปดึงพานท้ายปืนของผู้เสียหาย เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนทำการป้องกันตัว โดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกระทำการตามหน้าที่ แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เพราะได้รับการรักษาทันท่วงที ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จึงเกลื่อนกลืนเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่แต่เพียงบทเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๑๘ เวลากลางคืนหลังเที่ยงสิบตำรวจโทผจญ สุริวินิจ เจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ได้ออกสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด ปราบปรามโจรผู้ร้าย และรักษาความสงบเรียบร้อยในท้องที่ จะเข้าทำการจับกุมนายอำนวย หรือจ๊อก อุ่นรั้ว พวกของจำเลยในข้อหาพยายามฆ่านายอนันต์ พรมมี ในทันใดนั้นเองจำเลยทั้งสองร่วมกันก่อให้นายอำนวยหรือ จ๊อก กระทำผิดด้วยการวาน ใช้ ยุยงส่งเสริมนานอำนวย หรือ จ๊อก โดยร้องบอกว่าตำรวจ อ้ายนวยยิงเลย และอำนวยยิงตำรวจเลย ซึ่งหมายถึงให้ยิงฆ่าสิบตำรวจโทผจญให้ตายและในขณะเดียวกันจำเลยทั้งสองร่วมกระทำผิดกับนายอำนวยหรือ จ๊อก โดยเข้าจับอาวุธปืนที่สิบตำรวจโทผจญถือติดตัวมาไว้ ไม่ให้สิบตำรวจโทผจญใช้อาวุธปืนดังกล่าวทำการป้องกันตัวได้ จนเป็นเหตุให้นายอำนวยหรือจ๊อก ใช้อาวุธปืนยิงสิบตำรวจโทผจญฝ่ายเดียวหลายนัดถูกบริเวณร่างกายหลายแห่งจนได้รับอันตรายแก่กายสาหัสโดยเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนถูกอวัยวะไม่สำคัญ และสิบตำรวจโทผจญได้รับการรักษาทันท่วงทีจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนา และตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยที่ ๑ กับนายอำนวยหรือจ๊อกได้ร่วมกันลักเอาอาวุธปืน ๑ กระบอก กระสุนปืน ๓๐ นัด และของกระสุนปืน ๑ ซอง รวมราคา ๓,๐๑๐ บาท ซึ่งเป็นของใช้ในราชการตำรวจและอยู่ในความดูแลของสิบตำรวจโทผจญไปโดยทุจริต เจ้าพนักงานยึดได้ปลอกกระสุนปืน ๕ ปลอก หัวกระสุนปืน ๑ หัว ที่จำเลยกับพวกใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๐, ๘๔, ๘๓, ๓๓๕, ๘๖ และริบของกลางกับให้จำเลยที่ ๑ คืนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ลักไป หรือใช้ราคาเป็นเงิน ๓,๐๑๐ บาท แก่กรมตำรวจเจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๐, ๘๔, ๘๓ จำคุกตลอดชีวิต และผิดตามมาตรา ๓๓๕ จำคุก ๔ ปี เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก ๕๐ ปี รวมจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๕๔ ปี จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๐, ๘๔, ๘๓ จำคุกจำเลยที่ ๒ ตลอดชีวิต ริบของกลาง ให้จำเลยที่ ๑ คืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์ ๓,๐๑๐ บาทแก่กรมตำรวจ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๑๘ มีงานที่โรงเรียนบ้านห้วยห้าง เวลาประมาณ ๒๐ นาฬิกา สิบตำรวจโทผจญผู้เสียหายได้แต่งเครื่องแบบตำรวจไปที่งานเพื่อสืบสวนจับกุมนายอำเภอ อุ่นรั้ว ในข้อหาร่วมกันฆ่าคนตายตามหมายจับ พอเวลาประมาณ ๒๑ นาฬิกา มีเสียงปืนดัง ๑ นัด ผู้เสียหายจึงถือปืนพร้อมซองกระสุนและกระสุนปืนไปด้วย โดยถือปืนห้อยลงข้างตัวทางมือขวา เพื่อจะไปจับคนที่ยิงปืนพอเดินไปได้ ๔-๕ ก้าว ผ่านโต๊ะอาหารแรกไป ก็มีเสียงพูดทางข้างหลังว่า “ไอ้นวย ตำรวจ ยิงเลย” และมีคนมาข้างหลังดึงพานท้ายปืนพร้อมกับร้องว่า “ไอ้นวย ตำรวจ ยิงเลย” อีกครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นนายอำนวยที่ผู้เสียหายต้องการตัวตามหมายจับซึ่งอยู่ที่โต๊ะอาหารถัดไป ห่างผู้เสียหายประมาณ ๑ วา ใช้อาวุธปืนยิงมาที่ผู้เสียหาย ๓ นัด ถูกที่หน้าอก คอ และต้นแขนขวา แต่ละแห่งกระสุนปืนทะลุด้านหลัง ผู้เสียหายล้มลงหมดสติและมีคนร้ายลักอาวุธปืนพร้อมซองกระสุนและกระสุนปืนไป
ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยทั้งสองได้ใช้ วาน ยุยงส่งเสริม ให้นายอำนวยยิงฆ่าผู้เสียหาย และร่วมกับนายอำนวยยิงฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ และจำเลยที่ ๑ ได้ลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว ฟังว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร้องบอกให้นายอำนวยยิงผู้เสียหายและร่วมกับนายอำนวยยิงผู้เสียหายโดยเข้าไปดึงพานท้ายปืนของผู้เสียหาย เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนทำการป้องกันตัวโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกระทำการตามหน้าที่ แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเพราะได้รับการรักษาทันท่วงที จำเลยที่ ๑ จึงมีความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ แต่เมื่อจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จึงเกลื่อนกลืนเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
ส่วนข้อหาจำเลยที่ ๑ ในความผิดฐานลักทรัพย์นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ลักอาวุธปืน ซองกระสุนปืน และกระสุนปืนของผู้เสียหายไป
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๙ (๒), ๘๐, ๘๓ ฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ให้จำคุกตลอดชีวิต ริบของกลาง ข้อหาอื่นยก และให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒

Share