คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3647/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ถูกลงโทษไล่ออกจากการเป็นลูกจ้างของบริษัทซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่โจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่ง คำสั่งลงโทษไล่ออกจึงยังไม่เป็นที่สุดจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เมื่อต่อมาก่อนมีคำวินิจฉัยบริษัทได้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งลงโทษไล่ออกดังกล่าว โดยให้ลงโทษโจทก์ด้วยการตัดเงินเดือน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา3 เดือนแทน และให้โจทก์กลับเข้าทำงานตามปกติ อันเป็นการเปลี่ยนแปลงคำสั่งลงโทษเดิมจากไล่ออกเป็นตัดเงินเดือนและถือว่าคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือนเป็นที่สุดแล้ว จึงถือได้ว่าโจทก์ถูกลงโทษเพียงตัดเงินเดือน มิได้ถูกลงโทษไล่ออก โจทก์จึงยังมีสถานะเป็นพนักงานของบริษัทมาตลอด ไม่ขาดคุณสมบัติหรือพ้นสภาพการเป็นสมาชิกและกรรมการของสมาคมหรือสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ
จำเลยเป็นนายทะเบียนสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจโจทก์เป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจ การที่จำเลยมีหนังสือไปยังโจทก์ เป็นกรณีที่จำเลยใช้อำนาจของนายทะเบียนสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจจำหน่ายชื่อโจทก์ออกจากการเป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และยืนยันว่าการใช้อำนาจดังกล่าวถูกต้อง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิการเป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และเป็นกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยซึ่งจัดตั้งและจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2534 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย โดยผลของพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 จำเลยเป็นนายทะเบียนสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2541 บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีคำสั่งที่ กบ.02-1-01/154 ลงโทษไล่โจทก์ออกจากการเป็นลูกจ้างโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อมาวันที่24 เมษายน 2541 บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีคำสั่งที่ กบ.02-1-01/451ยกเลิกคำสั่งไล่โจทก์ออกโดยเปลี่ยนเป็นโทษตัดเงินเดือน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 3 เดือนแทนและให้โจทก์กลับเข้าทำงานตามปกติภายในวันที่ 30 เมษายน 2541 โดยจะนับอายุงานต่อเนื่อง ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 ครั้นวันที่ 9 ตุลาคม 2541 จำเลยในฐานะนายทะเบียนสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจ ได้มีหนังสือที่ รส 0612/07464 แจ้งโจทก์ว่าการที่โจทก์พ้นสภาพการเป็นพนักงานของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่18 กุมภาพันธ์ 2541 มีผลทำให้พ้นสภาพการเป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย แม้ต่อมาภายหลังบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ยกเลิกคำสั่งไล่ออกและรับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยจะนับอายุการทำงานต่อเนื่องก็ไม่ทำให้การเป็นพนักงานและกรรมการมีผลเปลี่ยนแปลงกลับคืนสภาพการเป็นพนักงานและกรรมการได้ ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 โจทก์อุทธรณ์ วันที่ 31 สิงหาคม 2542จำเลยมีหนังสือที่ รส 0612/06413 แจ้งให้โจทก์ทราบถึงผลการอุทธรณ์โดยยืนยันคำวินิจฉัยเดิม ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 การวินิจฉัยและคำยืนยันดังกล่าวไม่ชอบทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขาดประโยชน์ที่จะสามารถดำเนินการได้ตามฐานะของสมาชิกและกรรมการของสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เนื่องจากมีการดำเนินการหลายอย่างที่โจทก์ได้ดำเนินการในช่วงระยะเวลาดังกล่าวซึ่งจะต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย และยังมีผลผูกพันมาจนถึงปัจจุบัน ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยและคำพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยที่ รส 0612/07464 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2541 และ รส 0612/16413 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2542

จำเลยให้การว่า คำวินิจฉัยและคำพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายและฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

วันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ จำเลยแถลงรับว่าเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1ถึง 3 และข้อบังคับสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ปรับปรุงแก้ไข พ.ศ. 2539 ตามเอกสารหมาย จ.2 ถูกต้อง

ศาลแรงงานกลางเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม และข้อบังคับสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยตามเอกสารหมาย จ.2 ข้อ 7, 8 และ 28 กำหนดให้ผู้จะเป็นกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยได้ต้องเป็นสมาชิกของสมาคม และการเป็นสมาชิกสมาคมต้องเป็นพนักงานประจำหรือพนักงานรายปีของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อโจทก์มีคำสั่งที่ กบ.02-1-01/154 ลงโทษไล่ออกจากการเป็นลูกจ้างของบริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) โจทก์ย่อมไม่ใช่พนักงานของบริษัทดังกล่าวอีกต่อไป จึงพ้นจากการเป็นสมาชิกและกรรมการของสมาคมหรือสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยไปพร้อม ๆ กันแม้ภายหลังจะได้มีคำสั่งที่ กบ.02-1-01/451 ยกเลิกคำสั่งไล่ออกเป็นตัดเงินเดือนโดยให้นับอายุงานต่อเนื่อง แต่สภาพการเป็นพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)ของโจทก์เป็นสภาพของความเป็นจริง ไม่ใช่อายุงาน ไม่อาจนับต่อเนื่องกันได้ ทั้งระเบียบการเป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมหรือสหภาพแรงงานตามฟ้องไม่ได้กำหนดให้การเป็นสมาชิกหรือกรรมการเกิดขึ้นมาใหม่เองได้อีก การย้อนหลังของการเป็นสมาชิกหรือกรรมการย่อมมีไม่ได้อยู่ในตัวคำวินิจฉัยของจำเลยที่ รส 0612/07464 ลงวันที่ 9 ตุลาคม2541 จึงชอบแล้ว กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าหนังสือยืนยันของจำเลย ที่ รส 0612/06413ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2542 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าคำวินิจฉัยและคำพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะถูกคำสั่งที่ กบ. 12-1-01/154 ลงโทษไล่ออกจากการเป็นลูกจ้างของบริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) แต่โจทก์ได้อุทธรณ์คำสั่ง คำสั่งลงโทษไล่ออกจึงยังไม่เป็นที่สุดจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งต่อมาบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) ได้มีคำสั่งที่ กบ.02-1-01/451 ให้ยกเลิกคำสั่งลงโทษไล่ออกดังกล่าว โดยให้ลงโทษโจทก์ด้วยการตัดเงินเดือน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 3 เดือนแทนและโจทก์กลับเข้าทำงานตามปกติโดยจะนับอายุงานต่อเนื่องรวมทั้งวันที่โจทก์ได้หยุดงานไป ในระหว่างที่ถูกไล่ออกด้วย ตามที่ปรากฏในเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 อันเป็นการเปลี่ยนแปลงคำสั่งลงโทษเดิมจากไล่ออกเป็นตัดเงินเดือน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 3 เดือน และถือว่าคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือนเป็นที่สุดแล้ว จึงถือได้ว่าโจทก์ถูกลงโทษเพียงตัดเงินเดือนมิได้ถูกลงโทษไล่ออก โจทก์จึงยังมีสถานะเป็นพนักงานของบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) มาตลอด ไม่เคยพ้นจากการเป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าว โจทก์จึงไม่ขาดคุณสมบัติหรือพ้นสภาพการเป็นสมาชิกและกรรมการของสมาคมหรือสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย คำวินิจฉัยที่ รส 0612/07464 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2541 และคำพิจารณาอุทธรณ์ที่ รส 0612/06413 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2542 ของจำเลยจึงไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น

สำหรับปัญหาตามคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะจำเลยไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์นั้น เห็นว่าจำเลยเป็นนายทะเบียนสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจโจทก์เป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย หนังสือที่รส 0612/07464 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2541 และหนังสือที่ รส 0612/06143 ลงวันที่ 31สิงหาคม 2542 ที่จำเลยมีไปยังโจทก์ลงลายมือชื่อจำเลยในฐานะนายทะเบียนสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจและหนังสือที่ รส 0612/07464 ใช้ชื่อเรื่องว่า การพ้นสภาพการเป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยมีใจความว่า ตามที่บริษัทการบินไทย จำกัด ได้มีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากการเป็นพนักงานตั้งแต่วันที่ 18กุมภาพันธ์ 2541 นายทะเบียนสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อโจทก์พ้นจากการเป็นพนักงานย่อมมีผลทำให้พ้นสภาพการเป็นสมาชิกและกรรมการสมาคม แม้ต่อมาบริษัทดังกล่าวจะได้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งไล่ออกและรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมก็ไม่ทำให้การเป็นพนักงานและกรรมการมีผลเปลี่ยนแปลงกลับคืนสภาพการเป็นพนักงานและกรรมการในช่วงเวลาที่ยังมิได้ออกคำสั่งฉบับหลังหากโจทก์ประสงค์จะเข้าทำเป็นสมาชิกสมาคม โจทก์จะต้องยื่นใบสมัครและดำเนินการตามข้อบังคับของสมาคมข้อ 8 หนังสือ รส 0612/16413 ก็ใช้ชื่อเรื่องว่า อุทธรณ์การพิจารณาของนายทะเบียน และมีข้อความว่าตามที่โจทก์อุทธรณ์ กรณีนายทะเบียนแจ้งการพ้นสภาพเป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยนั้น นายทะเบียนได้เสนอเรื่องให้ผู้มีอำนาจพิจารณาแล้วเห็นว่าสมาชิกภาพของโจทก์สิ้นสุดลงตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2534 ดังนี้ เห็นได้ว่า เป็นกรณีที่จำเลยใช้อำนาจของนายทะเบียนสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจจำหน่ายชื่อโจทก์ออกจากการเป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และยืนยันว่าการใช้อำนาจดังกล่าวถูกต้อง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิการเป็นสมาชิกและกรรมการสมาคมพนักงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้”

พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยที่ รส 0612/07464 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2541 และคำพิจารณาอุทธรณ์ที่ รส 0612/06413 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2542 ของจำเลยเสีย

Share