คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานสอบสวนเป็นบุคคลธรรมดา โดยตำแหน่งหน้าที่ราชการอันกฎหมายกำหนดไว้ให้ทำสัญญาประกันได้จึงมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาประกันได้
นายประกันได้รับหนังสือให้ส่งตัวผู้ต้องหาภายหลังกำหนดวันที่จะต้องส่งตัวผู้ต้องหา นายประกันยังมีหน้าที่ส่งตัวผู้ต้องหาในเวลาต่อมา การที่นายประกันไม่ส่งตัวผู้ต้องหา เป็นการผิดสัญญาประกัน
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 112 มิได้บัญญัติถึงกำหนดเวลาส่งตัวผู้ต้องหาไว้ก็ตาม แต่เป็นที่เข้าใจว่านายประกันจะต้องส่งตัวผู้ต้องหาตามกำหนดที่พนักงานสอบสวนเรียกให้ส่งตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานสอบสวน มีอำนาจหน้าที่สอบสวนคุมขังผู้ต้องหาตามกฎหมาย วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๔๙๘ จำเลยได้ทำสัญญาประกันตัวนายเทียนจุงหรือหย่ำ แซ่ตัน ไปจากพนักงานสอบสวน โดยสัญญาว่าจะส่งตัวนายเทียนจุงหรือหย่ำ แซ่ตัน ผู้ต้องหาได้ตามกำหนดของเจ้าพนักงาน ถ้าผิดสัญญาจำเลยยอมใช้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท โจทก์ได้แจ้งกำหนดให้จำเลยส่งตัวผู้ต้องหาให้โจทก์หลายครั้ง จำเลยได้ทราบกำหนดนัดแล้ว ไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาส่งมอบแก่โจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามสัญญา
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระค่าปรับตามสัญญา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่นิติบุคคล และจำเลยทำสัญญากับพันตำรวจตรีพล ประจบไม่ใช่กับตัวโจทก์ในคดีนี้
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ไม่มีประเด็นว่า พนักงานสอบสวนเป็นนิติบุคคลหรือไม่ หากเป็นเรื่องบุคคลธรรมดาฟ้องความโดยใช้นามในตำแหน่งหน้าที่ราชการซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาคนหนึ่ง กรณีเกิดจากสัญญที่จำเลยได้กระทำไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา และไม่มีปัญหาว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้กระทำแทนหน่วยราชการต่างหากจากบุคคลธรรมดา พนักงานสอบสวนเป็นบุคคลธรรมดา โดยตำแหน่งหน้าที่ราชการอันกฎหมายกำหนดไว้ให้ทำสัญญาประกันได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๐๖ และมาตรา ๑๑๓ ฉะนั้น ย่อมมีอำนาจที่จะฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาประกันได้ กรณีเป็นเรื่องบุคคลธรรมดาในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะพึงฟ้องความได้โดยชื่อตำแหน่งหน้าที่ของตน ซึ่งย่อมกระทำได้ตามอำนาจแห่งตำแหน่งหน้าที่ พันตำรวจตรีพล ประจบ พนักงานสอบสวนซึ่งเป็นผู้ลงชื่อในสัญญาประกันนั้น ได้ย้ายไปรับราชการประจำสถานีตำรวจนครบาลอื่น และพันตำรวจตรีเผด็จ วรบุตร มาดำรงตำแหน่งแทน และฟ้องคดีนี้ในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่โดยใช้ชื่อตำแหน่งของตน ย่อมกระทำได้ตามอำนาจและหน้าที่ราชการของตน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง แม้จำเลยจะได้รับหนังสือให้ส่งตัวผู้ต้องหาเกินกำหนดไป ๑ วัน จำเลยยังมีหน้าที่ตามสัญญาประกัน จะต้องนำตัวผู้ต้องหาส่งให้โจทก์ในเวลาต่อมา การที่จำเลยไม่ส่งตัวผู้ต้องหาแก่โจทก์จึงเป็นการผิดสัญญาประกัน ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาประกันไม่มีข้อความกำหนดให้จำเลยส่งตัวผู้ต้องหาเมื่อใด จึงเป็นโมฆะนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๑๒ ได้ระบุข้อความต่าง ๆ ทีต้องมีในสัญญาประกัน แต่ไม่ได้ระบุให้มีข้อความเกี่ยวกับกำหนดเวลาส่งตัวผู้ต้องหา ฉะนั้น สัญญาประกันผู้ต้องหาจึงไม่จำต้องระบุเวลาส่งตัวผู้ต้องหาในกรณีเช่นนี้ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าผู้ประกันต้องส่งตัวผู้ต้องหาตามที่พนักงานสอบสวนเรียกให้ส่งตัว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

Share