แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใช้และวางแผนให้จำเลยที่ 1กับพวกกระทำความผิด ได้ความว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกอีก 1 คน มานอนที่บ้านมารดาผู้ตาย ก่อนจำเลยที่ 1 บีบคอผู้ตาย จำเลยที่ 2 ได้เรียกมารดาผู้ตายออกมาจากห้องนอนพาลงจากบ้านและใช้ผ้าขาวม้ามัดมือไพล่หลังใช้มีดปลายแหลมขู่มิให้มารดาผู้ตายขัดขวางการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ดังนี้ จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 กับพวกฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต่อมาจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันบีบคอผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84,288, 289 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 289(4), 83 ให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 289(4) ประกอบด้วย มาตรา 84, 83 วางโทษประหารชีวิตรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกตลอดชีวิต จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 28พฤศจิกายน 2528 เวลาประมาณ 23 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ใช้มือบีบคอเด็กหญิงสอดะ สาโหด โดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้เด็กหญิงสอดะถึงแก่ความตาย บาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง ที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2528นางหริ่นหรือหริ่งพบเห็นจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายและได้มาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จำเลยที่ 2 ฟัง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นญาติกับจำเลยที่ 1 ได้ข่มขู่ไม่ให้นางหริ่นหรือหริ่งดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 โดยขู่ว่าจะฆ่าตามพฤติการณ์ที่โจทก์นำสืบจำเลยที่ 2 เป็นผู้วางแผนให้จำเลยที่ 1 กับนายแดงฆ่าผู้ตายโดยจำเลยที่ 2 วางแผน กับนางหริ่นหรือหริ่งออกจากบ้านและข่มขู่ห้ามไม่ให้เข้าไปช่วยเหลือ แม้โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ได้วางแผนให้จำเลยที่ 1 กับนายแดงฆ่าผู้ตายโจทก์เห็นว่าผู้ก่อหรือจ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดกับผู้ร่วมกระทำผิดกฎหมายได้กำหนดโทษไว้เช่นเดียวกัน พยานหลักฐานโจทก์ฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ได้นั้น โจทก์มีนางหริ่นหรือหริ่ง สุเหร็นมารดาผู้ตายเบิกความว่า วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ที่ 2 มานอนที่ระเบียงบ้านพยาน ส่วนนายแดง พยานและบุตรอีกสามคนนอนในห้องจำเลยที่ 2 เรียกพยานออกมาจากห้อง แล้วพาลงจากบ้านใช้ผ้าขาวม้ามัดมือไพล่หลัง ขู่ว่าถ้าจะร้องจะฆ่าให้หมด จำเลยที่ 2 ใช้มีดปลายแหลมจี้พยาน ส่วนจำเลยที่ 1 อยู่บนบ้าน นายแดงอยู่หลังบ้านได้ยินเสียงโครมครามอยู่บนบ้านประมาณ 1 ชั่วโมง เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย พยานจะไปช่วยแต่ช่วยไม่ได้เพราะจำเลยที่ 2 คุมอยู่และใช้มือตบพยาน เห็นจำเลยที่ 1 แบกผู้ตายออกจากบ้าน นายแดงเดินตามไปประมาณ 1 ชั่วโมงจึงได้พากันกลับมา จำเลยที่ 2 ยังคงคุมพยานอยู่และบอกให้นายแดงดูพยานไว้ ถ้านำเรื่องไปบอกใครจะฆ่า ประจักษ์พยานโจทก์ไม่ได้ยืนยันว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ใช้หรือวางแผนให้จำเลยที่ 1 กับนายแดงฆ่าผู้ตาย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนจำเลยที่ 1 บีบคอผู้ตาย จำเลยที่ 2 ได้เรียกนางหริ่นหรือหริ่งออกมาจากห้องนอนพาลงจากบ้านและใช้ผ้าขาวม้ามัดมือไพล่หลังใช้มีดปลายแหลมขู่ว่าถ้าส่งเสียงดังจะฆ่า ทั้งนี้เพื่อมิให้นางหริ่นหรือหริ่งขัดขวางการกระทำผิดของจำเลยที่ 1กับนายแดง เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จะลงโทษฐานใช้หรือวางแผนให้ผู้อื่นกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 ไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่าศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 ได้ ดังนี้ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 86 ศาลฎีกาไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 86 ประกอบด้วยมาตรา 52(1) ให้จำคุกจำเลยที่ 2ตลอดชีวิต