คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดิน จำเลยปฏิเสธ แล้วโจทก์จำเลยท้ากันว่า ขอให้สืบนายประสงค์ นายเมืองเจ้าพนักงานแผนที่ ถ้าปรากฎว่ามีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่ได้ความว่ามีการย้ายหลักเขตโจทก์ยอมแพ้เมื่อพยาน+ท้ากันเบิกความไม่แน่นอน ฟังไม่ได้ว่ามีการย้ายดังนี้โจทก์ต้องแพ้ตามคำท้า

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดินโฉนดที่ ๕๒๐๒ ตำบลทุ่งน้อย อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ของโจทก์ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง ขอมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง และใช้ค่าเสียหาย ๒๐๐ บาท
จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินโฉนดที่ ๕๑๙๗ เมื่อเจ้าพนักงานไปรังวัดสอบเขตปักเสาหินหมายเขตที่ดินของจำเลย โจทก์ เจ้าของที่ดินข้างเคียงก็ได้ระวังเขตของโจทก์และรับรองเขตของจำเลยต่อหจ้าเจ้าพนักงาน
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมว่าขณะเจ้าพนักงานรังวัดทำแผนที่วิวาท จำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดรุกที่โจทก์ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ ๒๐๐ บาท ขอให้ห้ามจำเลยและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การเพิ่มเติมว่าจำเลยนำชี้เขตตามเสาหินหมายเขตของจำเลยมิได้รุกที่โจทก์ ๆ เสียอีกได้นำชี้+รุกที่ดินข้างเคียงรวมทั้งที่จำเลย ค่าเสียหายที่พิพาทไม่เกินปีละ ๕๐ บาท
คู่ความรับกันว่า แผนที่วิวาทถูกต้องและท้ากันว่าขอให้เรียกนายเมืองและนายประสงค์เจ้าพนักงานแผนที่ มาสืบเป็นพยานร่วม ถ้าปรากฎว่ามีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้และยอมยกที่พิพาทให้เป็นของโจทก์ทั้งยอมคิดค่าเช่าเป็นค่าเสียหายให้โจทก์ ๑๒๐ บาท แต่ถ้าได้ความว่าไม่มีการย้ายหลักเขตโจทก์ยอมแพ้ที่เป็นของจำเลย ตามที่จำเลยครอบครองอยู่ในเวลานี้ ต่างไม่ติดใจสืบพยานอื่นขออ้างแต่แผนที่วิวาทและโฉนดของตนเท่านั้น
ศาลชั้นต้นสืบ นายประสงค์พยานร่วมได้ ๑ ปากคู่ความแถลงว่าไม่ติดใจสืบนายเมืองต่อไป
ศาลชั้นต้นฟังว่าได้มีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่ดินของโจทก์ พิพากษาว่าที่พิพาทซึ่งอยู่ภายในเส้นสีแดงตามแผนที่วิวาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ให้จำเลยเสียค่าเช่าแก่โจทก์ ๑๒๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์สืบไม่สมว่าจำเลยยักย้ายหลักเขตรุกล้ำที่โจทก์ พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นายประสงค์พยานร่วมเบิกความไม่แน่นอนครั้งแรกว่าเสาหินหมาย ข.ค. อยู่นอกโฉนดของจำเลย เลยสันนิษฐานว่าเสาหินหมาย ข.ค. ย้ายไปจากที่เดิม ครั้นทนายจำเลยให้พยานทาบปูแผนที่หลังโฉนดจำเลยกับแผนที่วิวาทต่อหน้าศาลอีกครั้ง พยานกลับว่าทางด้านพิพาทมิได้รุกล้ำกัน อนึ่งปรากฎว่าโฉนดของโจทก์มีเนื้อที่ ๒๕ ไร่ ๓ งาน ๔ วา ครั้นโจทก์นำชี้ทำแผนที่วิวาทกลับชี้ว่า เนื้อที่ตามโฉนดของโจทก์ ๒๙ ไร่ ๓ งาน ๔๐ วา ซึ่งเกินของโจทก์ไปถึง ๔ ไร่ ๓๖ วา แม้ที่พิพาท ๑ ไร่ จะฟังว่าไม่ใช่ของโจทก์ที่ดินของโจทก์ก็ยังเกินจากโฉนดของโจทก์อีก ๓ ไร่ ๓๒ วา เห็นว่าโจทก์ยังนำสืบไม่สมว่า จำเลยได้ย้ายหลักเขตเข้าไปในที่ของโจทก์ตามที่ท้ากับ
พิพากษายืน

Share