คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินมรดกจากจำเลย ผู้ร้องสอดอ้างว่าที่แปลงนี้เป็นของจำเลยแล้ว จำเลยกู้เงินผู้ร้องสอดไปแล้วตกลงยอมขายที่แปลงนี้ทั้งหมดแก่ผู้ร้องสอดเพื่อเป็นการชำระหนี้ ถ้าจำเลยแพ้คดีผู้ร้องสอดจะได้รับความเสียหายขอเข้ามาเป็นคู่ความร่วม ข้ออ้างดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ โจทก์ร่วม นางจิว และจำเลยเป็นบุตรของนายโพนางผวน นายโพและนางผวนตาย ที่ดินมี ส.ค.๑ หนึ่งแปลงตกเป็นมรดกแก่บุตรทั้ง ๖ คน ได้ตกลงกันว่าให้จำเลยเป็นผู้ออก น.ส.๓ ในชื่อของจำเลยแล้วจะแบ่งกันภายหลังตามส่วน ต่อมาจำเลยได้ประกาศขายที่ดินแปลงนี้ให้นายสนิท ชูสังวาลย์ โจทก์ไปร้องคัดค้าน อำเภอสั่งให้โจทก์มาฟ้องจึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินแปลงนี้เป็นมรดกของนายโพ นางผวนให้จำเลยแบ่งให้โจทก์ตามส่วน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา ระหว่างพิจารณาโจทก์ร่วมได้รับอนุญาตให้เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมและในที่สุดพิพากษาให้แบ่งที่ดินพิพาทเป็น ๖ ส่วน ให้จำเลยแบ่งให้โจทก์และโจทก์ร่วมคนละ ๑ ส่วนคดีถึงที่สุด
ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ นายสนิท ชูสังวาลย์ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยอ้างว่าคดีโจทก์ขาดอายุความมรดก จำเลยได้ยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินแปลงนี้ ไม่มีผู้คัดค้าน นายอำเภอได้จดทะเบียนสิทธิให้ที่ดินเป็นของจำเลยแล้วเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ จำเลยกู้เงินผู้ร้องสอดไปเป็นเงิน ๑๙,๐๔๐ บาท จำเลยตกลงกับผู้ร้องสอดว่า จำเลยยอมขายที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดให้ผู้ร้องสอดเพื่อเป็นการชำระหนี้เงินกู้ แล้วจำเลยได้ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนขายที่ดินดังกล่าวให้ผู้ร้องสอดโจทก์ไปคัดค้านไว้จึงทำนิติกรรมไม่ได้ การที่จำเลยถูกโจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินนี้ ผู้ร้องสอดได้รับความเสียหาย เพราะถ้าจำเลยแพ้คดี ผู้ร้องสอดจะไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินครบตามจำนวนเนื้อที่ทั้งหมด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลย ผู้ร้องจะมีสิทธิเรียกร้องอะไรจากจำเลยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับประเด็นในคดีนี้ ผู้ร้องชอบที่จะไปว่ากล่าวเอากับจำเลยต่างหาก ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นจำเลยร่วม
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำร้องของผู้ร้องสอดนั้นเป็นการยื่นเข้ามาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗(๒) ซึ่งผู้ที่จะร้องสอดเข้ามาตามมาตรานี้ได้ต่อเมื่อตนมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีผู้ร้องสอดเป็นบุคคลภายนอก จำเลยตกลงกับผู้ร้องสอดว่าจะขายที่รายนี้ทั้งหมดให้เพื่อเป็นการชำระหนี้ จึงมีส่วนได้เสียในผลแห่งคดีตามข้อตกลงระหว่างจำเลยกับผู้ร้องสอดเท่านั้น หาใช่มีส่วนได้เสียตามกฎหมายตามมาตรา ๕๗(๒) ไม่ พิพากษายืน
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินมรดกของจำเลย โจทก์จะมีสิทธิขอแบ่งมรดกจากจำเลยได้หรือไม่เพียงใด ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์จำเลยผู้ร้องสอดเป็นแต่เพียงว่าเจ้าหนี้เงินกู้ของจำเลย แม้จำเลยพูดตกลงว่าจะขายที่ดินแปลงนี้ให้เพื่อชำระหนี้เงินกู้ก็ดี จำเลยมีสิทธิในที่ดินแปลงนี้เพียงใดผู้ร้องสอดหากจะบังคับจำเลยได้ ก็ได้รับไปเท่าที่จำเลยมีอยู่เท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗(๒)
พิพากษายืน

Share