คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3636/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่านาและการบอกเลิกการเช่านาพิพาทอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่านาพิพาทก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่านา โดยจำเลยรับทราบและไม่ประสงค์จะเช่านาพิพาทเช่นกัน จึงเป็นการแสดงเจตนาของทั้งสองฝ่ายว่า ผู้ให้เช่านากับผู้เช่านาตกลงเลิกการเช่านาพิพาท ซึ่งกรณีนี้มาตรา 31 (3) ของพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ให้ทำเป็นหนังสือต่อหน้านายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย การเช่านาจึงจะสิ้นสุดลงก่อนกำหนดระยะเวลาเช่านา ดังนั้น เมื่อหนังสือบอกเลิกการเช่านาพิพาทไม่ได้ทำต่อหน้านายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมายจึงไม่เป็นผลให้การเช่านาพิพาทสิ้นสุดลงก่อนกำหนดระยะเวลาเช่า การบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์จึงไม่ชอบ
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 เป็นกฎหมายพิเศษ นอกเหนือกฎหมายธรรมดา จึงต้องบังคับตามกฎหมายพิเศษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เช่าทำนาพิพาทมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๗เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๒๓ จำเลยให้ถ้อยคำไว้ว่าไม่ประสงค์จะเช่านาแปลงดังกล่าว การเช่าจึงสิ้นสุดลง และจำเลยค้างชำระค่าเช่ารวม ๕ ปี เป็นเงิน ๕๖,๕๕๐ บาทในปี พ.ศ. ๒๕๒๔-๒๕๒๕ จำเลยทั้งห้าบุกรุกเข้าทำนา ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์เป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ชำระค่าเช่านา ๕๖,๕๕๐ บาทและค่าเสียหาย ๖๐,๐๐๐ บาท ให้แก่โจทก์ ห้ามจำเลยทั้งห้าและบริวารเข้าเกี่ยวข้องนาพิพาท
จำเลยทั้งห้าให้การว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ เช่านาโจทก์ก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ ตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๖ โจทก์ประสงค์จะขายนาให้นายสวิง แซ่วุ่น และใช้ให้นายสวิงเข้าแย่งทำนาจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ จึงเข้าทำนาไม่ได้ จำเลยที่ ๑ ไม่เคยให้ถ้อยคำต่อโจทก์ว่า ไม่มีความประสงค์จะเช่านาโจทก์ทำอีกต่อไปนาที่เช่าอยู่ในบังคับพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีผลให้การเช่านาของจำเลยที่ ๑ ระงับ โจทก์ไม่เคยบอกเลิกการเช่ากับจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไม่เคยค้างชำระค่าเช่า จำเลยที่ ๓ ที่ ๕ ไม่เคยเข้าทำนาแปลงนี้ การที่โจทก์ให้นายสวิง แซ่วุ่น เข้าทำนา ทำให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ ทำนาไม่ได้ จึงฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระค่าเสียหายแก่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย โดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพิจารณาแล้วฟังว่า การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์ไม่ชอบ ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย จำเลยไม่ค้างชำระค่าเช่านา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เช่านาพิพาทของโจทก์ทำมาก่อนปี พ.ศ. ๒๕๑๗ และยังคงเช่าทำนาต่อมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๓ การเช่านาไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่าวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๒๓ โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยที่ ๑ ตามเอกสารหมาย จ.๒ โดยอ้างว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่านา แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ ใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๑๗ การเช่านาและการบอกเลิกการเช่านาพิพาทจึงตกอยู่ในบังคับพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ เมื่อจำเลยเช่านาพิพาทก่อนพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับและเป็นการเช่าไม่มีกำหนดระยะเวลา มาตรา ๔๖ ถือว่าการเช่านามีกำหนด ๖ ปีนับแต่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ การเช่านาพิพาทสิ้นสุดลงในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๒๓ โจทก์บอกเลิกการเช่านาพิพาทวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๒๓ เป็นการบอกเลิกการเช่านาก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่านา เอกสารหมาย จ.๒ มีใจความสำคัญว่า จำเลยที่ ๑ ยืนยันว่า จำเลยที่ ๑ รับทราบการบอกเลิกการเช่านาพิพาท และจำเลยที่ ๑ ไม่มีความประสงค์จะเช่านาพิพาทอีกต่อไป ดังนี้ ต้องแปลว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ ๑ เช่านาพิพาทจึงบอกเลิกการเช่ากับจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ รับทราบการบอกเลิกการเช่านาพิพาท และจำเลยที่ ๑ เองก็ไม่ประสงค์จะเช่านาพิพาทอีกเช่นกัน เป็นการแสดงเจตนาของทั้งสองฝ่ายว่าการเช่านาพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยที่ ๑ จะไม่มีอีกต่อไป จึงเป็นเรื่องผู้ให้เช่านากับผู้เช่านาตกลงเลิกการเช่านาพิพาทกัน ซึ่งตามมาตรา ๓๑(๓) ต้องทำเป็นหนังสือต่อหน้านายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย การเช่านาจึงจะสิ้นสุดก่อนกำหนดระยะเวลาเช่านาเมื่อเอกสารหมาย จ.๒ ไม่ได้กระทำต่อหน้านายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย จึงไม่เป็นผลให้การเช่านาพิพาทสิ้นสุดลงก่อนกำหนดระยะเวลาเช่า การบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์ไม่ชอบไม่มีผลตามกฎหมาย ที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อโจทก์กับจำเลยที่ ๑ กระทำเอกสารหมาย จ.๒ โดยสมัครใจ และไม่มีการบังคับขู่เข็ญจำเลยที่ ๑ กรณีจึงไม่ตกอยู่ในบังคับมาตรา ๓๑(๓) นั้น เห็นว่าพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ เป็นกฎหมายพิเศษ นอกเหนือจากกฎหมายธรรมดาจึงต้องบังคับตามกฎหมายพิเศษ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share