แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกสารหมาย จ.73 มีข้อความตอนต้นทางด้านหน้าว่า.’แบบขอเปิดบัญชีฝากกระแสรายวัน’ แต่มีข้อความตอนท้ายของด้านเดียวกันว่า. ฯลฯ ข้าพเจ้า(จำเลย)ได้ทราบระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของธนาคารไทยพัฒนา จำกัด (โจทก์).ตามที่ระบุไว้ด้านหลังของแบบขอเปิดบัญชีและคำเตือนในสมุดเช็คแล้ว. และตกลงรับที่จะปฏิบัติและยอมเข้าผูกพันตามระเบียบการดังกล่าวโดยตลอดฯลฯ’. และมีข้อความในระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของธนาคารโจทก์ข้อ 11 ซึ่งอยู่ด้านหลังของเอกสารดังกล่าวว่า.’… ถ้าทางธนาคาร(โจทก์) ได้อนุมัติให้จ่ายตามเช็คที่สั่งจ่ายมากกว่าจำนวนเงินที่คงเหลืออยู่ในบัญชี…ผู้ฝากคงตกลงยินยอมรับผิดชดใช้ให้แก่ธนาคารจนครบถ้วนพร้อมด้วยดอกเบี้ยทบต้นตามประเพณีของธนาคารในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีอีกโสดหนึ่งด้วย’. กับข้อ 20 ซึ่งอยู่ในด้านเดียวกันมีข้อความว่า ‘เมื่อธนาคารได้ยินยอมเปิดบัญชีเงินฝากให้ผู้ฝากรายใดตามที่ขอมาแล้ว. เป็นอันถือว่าผู้ฝากรายนั้นได้ยอมรับปฏิบัติตามระเบียบการนี้โดยทุกประการ’. จำเลยลงชื่อเป็นผู้ขอเปิดบัญชีในตอนท้ายของด้านหน้าแห่งเอกสารนี้ซึ่งมีข้อความในด้านนี้เกี่ยวข้องไปถึงข้อความทางด้านหลัง โดยใช้ข้อความว่า ‘ข้าพเจ้าได้ทราบระเบียบการ ฯลฯตามที่ระบุไว้ด้านหลัง ฯลฯ ดีแล้ว. และตกลงที่จะปฏิบัติและยอมเข้าผูกพันตามระเบียบดังกล่าวโดยตลอด ฯลฯ’. แล้วมีข้อความที่ผู้ฝากตกลงยินยอมรับผิดชอบใช้เงินที่ธนาคารอนุมัติให้จ่ายตามเช็คที่สั่งจ่ายมากกว่าจำนวนเงินที่คงเหลือในบัญชีทั้งยอมปฏิบัติตามระเบียบด้านหลังเอกสารดังกล่าวเมื่อมีการตกลงกันเช่นนี้. เรียกได้ว่าเอกสารหมาย จ.73 เป็นสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีระหว่างธนาคารโจทก์และจำเลย. ซึ่งโจทก์จำเลยต้องผูกพัน. เมื่อจำเลยรับว่าเบิกเงินเกินบัญชีจำนวนเงิน 99,531.03 บาท ไปจากธนาคารโจทก์. และจำเลยยอมชำระดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ 15ต่อปีนับแต่วันฟ้อง. จำเลยก็ต้องรับผิดชำระเงินและดอกเบี้ยดังกล่าวแก่โจทก์ตามฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ธนาคารโจทก์ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์รับฝากเงินและเปิดบัญชีเดินสะพัดกับลูกค้า จำเลยขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับโจทก์ จำเลยตกลงตามคำขอเปิดบัญชีเดินสะพัดกับโจทก์ว่า จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีฝากเท่าใดจะชำระดอกเบี้ยทบต้นตามประเพณีของธนาคารในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ต่อมาระหว่างวันที่14 มีนาคม 2504 ถึง 28 ธันวาคม 2504 จำเลยสั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจากธนาคารโจทก์เกินไปกว่าตามกระแสเดินสะพัด รวมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงิน 68,991.03 บาท จนถึงวันฟ้อง ยอดหนี้เพิ่มขึ้นด้วยดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 99,531.03 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยทบต้นนับแต่วันฟ้อง ฯลฯ จำเลยให้การว่า ไม่ได้ตกลงเบิกเงินเกินบัญชี ไม่มีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร เงินที่เรียกคืนตกอยู่ในลักษณะลาภมิควรได้คดีโจทก์ขาดอายุความ ฯลฯ ระหว่างนัดสืบพยานจำเลย จำเลยแถลงขอสละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดคดีเพียงข้อเดียวว่า การที่จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีไปเป็นจำนวนเงินตามฟ้อง จำเลยจะต้องรับผิดหรือไม่ ฯลฯโจทก์จำเลยไม่สืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ในประเด็นที่ว่า เอกสารหมาย จ.73 เป็นสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีหรือไม่นั้น จำเลยฎีกาว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงแบบขอเปิดบัญชีฝากเงินรายวัน ซึ่งจำเลยได้ทำยื่นต่อธนาคารไทยพัฒนาจำกัด โจทก์ซึ่งมีวัตถุประสงค์เฉพาะเรื่องการฝากและถอนเงินฝากไว้ต่อธนาคารเท่านั้นเอง ฯลฯ แต่จะให้หมายเลยไปถึงว่าลูกค้ากับธนาคารได้ตกลงทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้เป็นการล่วงหน้าก็หาเป็นไปเช่นนั้นไม่ ฯลฯ ศาลฎีกาเห็นว่า จริงอยู่เอกสารดังกล่าวมีข้อความตอนต้นของด้านหน้าว่า “แบบขอเปิดบัญชีฝากกระแสรายวัน” แต่มีข้อความตอนท้ายของด้านเดียวกันนั้นว่า “ฯลฯ ข้าพเจ้าได้ทราบระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของธนาคารไทยพัฒนาจำกัดตามที่ระบุไว้ด้านหลังของแบบขอเปิดบัญชีนี้ และคำเตือนในสมุดเช็คแล้ว และตกลงรับที่จะปฏิบัติและยอมเข้าผูกพันตามระเบียบการดังกล่าวโดยตลอดฯลฯ” และมีข้อความในระเบียบการบัญชีฝากกระแสรายวันของธนาคารโจทก์ข้อ 11 ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของเอกสารดังกล่าวนั้นว่า”ถ้าบัญชีเงินฝากของผู้ฝากมีเงินไม่พอจ่ายตามเช็ค ธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงินโดยสิ้นเชิง และในกรณีที่เงินในบัญชีเงินฝากไม่พอจ่ายตามเช็คหลายฉบับที่นำมาขึ้นเงินพร้อม ๆ กัน ธนาคารออกจ่ายเงินให้ตามเช็คฉบับใดก็ได้ ตามที่เห็นสมควร อย่างไรก็ดีถ้าทางธนาคารได้อนุมัติให้จ่ายตามเช็คที่สั่งจ่ายมากกว่าจำนวนเงินที่คงเหลืออยู่ในบัญชี โดยจะได้แจ้งให้ผู้ฝากทราบหรือไม่ก็ตาม ผู้ฝากคงตกลงยินยอมรับผิดชอบชดใช้ให้แก่ธนาคารจนครบถ้วนพร้อมด้วยดอกเบี้ยทบต้นตามประเพณีของธนาคารในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีอีกโสดหนึ่งด้วย” กับข้อ 20 ซึ่งอยู่ในด้านเดียวกันนี้มีข้อความว่า”เมื่อธนาคารได้ยินยอมเปิดบัญชีเงินฝากให้ผู้ฝากรายใดตามที่ขอมาแล้วเป็นอันถือว่าผู้ฝากรายนั้นได้ยอมรับปฏิบัติตามระเบียบการนี้โดยทุกประการ” จำเลยได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ขอเปิดบัญชีไว้ในตอนท้ายของด้านหน้าแห่งเอกสารนี้ ซึ่งมีข้อความในด้านนี้เกี่ยวโยงไปถึงข้อความทางด้านหลังโดยใช้ข้อความว่า “ข้าพเจ้าได้ทราบระเบียบการ ฯลฯ ตามที่ระบุไว้ด้านหลัง ฯลฯ ดีแล้วและตกลงรับที่จะปฏิบัติและยอมเข้าผูกพันตามระเบียบดังกล่าวโดยตลอด ฯลฯ” แล้วมีข้อความที่ผู้ฝากตกลงยินยอมรับผิดชอบชดใช้เงินที่ธนาคารอนุมัติให้จ่ายตามเช็คที่สั่งจ่ายมากกว่าจำนวนเงินที่คงเหลือในบัญชี ทั้งยอมปฏิบัติตามระเบียบดังปรากฏในข้อ11, 12 ของระเบียบทางด้านหลังเอกสารนั้นดังกล่าวแล้ว เมื่อมีการตกลงกันเช่นนี้ก็ย่อมเรียกได้ว่าเอกสารหมาย จ.73 เป็นสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีระหว่างธนาคารโจทก์และจำเลยอยู่ในตัวซึ่งโจทก์จำเลยจะต้องผูกพันปฏิบัติตามข้อตกลงกันดังกล่าว เมื่อจำเลยรับว่าได้เบิกเงินเกินบัญชีเป็นจำนวนเงิน 99,531.03 บาท ไปจากธนาคารโจทก์ตามฟ้อง และจำเลยยอมชำระดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องด้วย จำเลยก็ต้องรับผิดชำระเงินและดอกเบี้ยดังกล่าวแก่โจทก์ตามฟ้อง พิพากษายืน.