แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ของจำเลยที่จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด ให้แก่ บ. หลังจากนั้นแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่ บ. ส. ท. และ ร. คนละ 1/4 เม็ด เพื่อนำไปเสพอีก และจำเลยก็เสพในเวลาต่อเนื่องกัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะเสพด้วยจึงแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้บุคคลดังกล่าวเพื่อจะเสพพร้อมกับจำเลย กรณีไม่ใช่จำเลยแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้บุคคลดังกล่าวเพื่อให้แต่ละคนไปเสพเพียงลำพังภายหลัง จึงเป็นการมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้กระทำความผิดด้วยกัน มิใช่มีเจตนาแจกจ่ายให้แก่บุคคลดังกล่าว การกระทำของจำเลยหาได้อยู่ในความหมายของคำว่าจำหน่าย ตามความในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 57, 66 วรรคหนึ่ง 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน รวม 5 กระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี เป็นจำคุก 20 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 24 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 12 ปี 3 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องข้อ 1 (ค) ถึง (ฉ) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ 1 (ค) ถึง (ฉ) เป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่บุคคลอื่นอยู่ในความหมายของการจำหน่ายแล้วนั้น เห็นว่า แม้การแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่บุคคลอื่นจะอยู่ในความหมายของคำว่า จำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 ดังที่โจทก์ฎีกาก็ตาม แต่คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้องว่า วันเวลาเกิดเหตุ จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แล้วจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด น้ำหนัก 0.090 กรัม ให้แก่นายบวร ในราคา 350 บาท ต่อมาจำเลยแบ่งเมทแอมเฟตามีนอันเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้นายบวร นายสุทัศน์ นายทองใหญ่ และนางสาวสรัญญา คนละ 1/4 เม็ด เพื่อนำไปเสพโดยไม่มีค่าตอบแทน จากนั้น จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีน ประกอบกับตามสำเนาบันทึกการจับโดยเจ้าพนักงานเอกสารท้ายคำร้องขอฝากขัง ครั้งที่ 1 ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เจ้าพนักงานตำรวจตรวจปัสสาวะของนายบวร นายสุทัศน์ นายทองใหญ่และนางสาวสรัญญา พบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ บุคคลดังกล่าวให้การว่าเสพเมทแอมเฟตามีนที่ได้จากจำเลยจริง ดังนี้ พฤติการณ์ของจำเลยที่จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด ให้แก่นายบวร หลังจากนั้นแบ่งเมทแอมเฟตามีน 1/4 เม็ด ให้แก่นายบวร เพื่อนำไปเสพ แล้วยังแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้ นายสุทัศน์ นายทองใหญ่ และนางสาวสรัญญา คนละ 1/4 เม็ด เพื่อนำไปเสพอีก จากนั้นจำเลยก็เสพเมทแอมเฟตามีนในเวลาต่อเนื่องกันกับที่บุคคลดังกล่าวได้รับแบ่งเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะเสพเมทแอมเฟตามีนด้วยจึงแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้นายบวร นายสุทัศน์ นายทองใหญ่ และนางสาวสรัญญา เพื่อที่จะได้เสพเมทแอทเฟตามีนพร้อมกับจำเลย กรณีไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่บุคคลดังกล่าวเพื่อให้แต่ละคนไปเสพเมทแอมเฟตามีนแต่เพียงลำพังในภายหลัง การที่จำเลยมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายบวร นายสุทัศน์ นายทองใหญ่และนางสาวสรัญญา จึงเป็นการมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้กระทำความผิดด้วยกัน มิใช่มีเจตนาแจกจ่ายให้แก่บุคคลดังกล่าว การกระทำของจำเลยหาได้อยู่ในความหมายของคำว่า จำหน่าย ตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน