คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ฐานมีอาวุธปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นกฎหมายที่มีอัตราโทษหนักที่สุดตามมาตรา 72 วรรคหนึ่งนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องลงโทษตามมาตรา 72 วรรคสอง แต่คดีได้ความว่า เครื่องกระสุนตามฟ้องคือกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามฟ้อง การมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง เมื่ออาวุธปืนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคสามเท่านั้น ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลางทั้งหมด ยกเว้นกระสุนปืนของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ขณะคดีอยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 1 ให้การใหม่โดยรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้การใหม่โดยรับสารภาพเฉพาะข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 26 และจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 19 (ที่ถูกมาตรา 8 ด้วย) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง วรรคสาม การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 คนละ 10,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 14 ปี ฐานมีอาวุธปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีอัตราโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน และจำเลยที่ 1 รับสารภาพข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง ทุกกระทง ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 3 เดือน และปรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 คนละ 5,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน รวมลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 14 ปี 9 เดือน ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลางตามคำขอ ยกเว้นกระสุนปืนของกลาง และให้คืนอาวุธปืนขนาด .32 และอาวุธปืนขนาด .45 ของกลางแก่เจ้าของ ข้อหาอื่นของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้ยก
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาเฉพาะจำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียวว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 569 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจสอดคล้องกับคำเบิกความของนายเทพบัญชา ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจสอบสวนเป็นพยานในคดีนี้ นายเทพบัญชาระบุว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าห้องพักเลขที่ 212 ตามความเป็นจริง แต่ใช้วิธีให้นายเทพบัญชาเป็นผู้ติดต่อขอเช่า อีกทั้งจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ก็รับว่าของกลางทั้งหมดยกเว้นสมุดบัญชีเงินฝากรายการที่ 8 ถึงที่ 10 ตามบัญชีของกลางคดีอาญา ตรวจค้นได้ในห้องพักเลขที่ 212 โดยอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตามรายการที่ 2 ถึงที่ 7 จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับจำนำไว้จากจ่าสิบตำรวจสายันห์ แต่จำเลยที่ 1 อ้างว่าจำเลยที่ 1 นำมาฝากนายเทพบัญชาซึ่งเป็นผู้เช่าห้องพักเลขที่ 212 ก็เป็นสิ่งผิดปกติไร้เหตุผลรับฟัง แม้นายเทพบัญชาจะรวมอยู่ในกลุ่มของจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ แต่คดีนี้นายเทพบัญชามิได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วย การรับฟังคำเบิกความของนายเทพบัญชาจึงไม่ขัดต่อกฎหมาย เพียงแต่ศาลต้องพึงรับฟังด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เมื่อประมวลพยานหลักฐานโจทก์ทั้งหมดแล้ว ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้พักอาศัยอยู่ที่ห้องพักเลขที่ 212 ตามความเป็นจริง ดังนี้ แม้พยานโจทก์จะเบิกความแตกต่างกันบ้าง เช่น จำเลยที่ 1 ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมขณะอยู่ภายในห้องพักเลขที่ 212 หรืออยู่บริเวณหน้าห้อง ก็เป็นเพียงพลความ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 569 เม็ด ของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พยานจำเลยที่ 1 ซึ่งนำสืบปฏิเสธว่าห้องพักเลขที่ 212 มิใช่ห้องพักของจำเลยที่ 1 ไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ รวมตลอดทั้งการนำสืบต่อสู้ว่าเจ้าพนักงานตำรวจประสงค์จะช่วยนายเทพบัญชาเพราะเป็นบุตรของเจ้าพนักงานตำรวจด้วยกันและปรักปรำให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดแทนนายเทพบัญชา ก็ขัดแย้งกับเอกสารแนบท้ายอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 คือสำเนาคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ระบุว่านายเทพบัญชาได้ถูกพนักงานอัยการฟ้องเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนจำนวน 30 เม็ด ที่ถูกสายลับล่อซื้อและศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 569 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมาด้วยนั้น ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น แต่สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอันเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงมีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 1 ด้วย
อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ฐานมีอาวุธปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีอัตราโทษหนักที่สุด (หมายถึงมาตรา 72 วรรคหนึ่ง) นั้น ไม่ถูกต้องเพราะความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต้องลงโทษตามมาตรา 72 วรรคสอง แต่คดีนี้ได้ความว่า เครื่องกระสุนปืนตามฟ้องคือกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนตามฟ้อง การมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง เมื่ออาวุธปืนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามมาตรา 7, 72 วรรคสาม เท่านั้น ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อลดโทษให้จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามแล้วคงลงโทษจำคุก 9 ปี 4 เดือน ส่วนในความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม เมื่อรวมโทษของจำเลยที่ 1 ทุกกระทงแล้ว คงจำคุก 9 ปี 13 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share