คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาวประมาณ 6 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว ยาวตลอดด้ามประมาณ 10 นิ้วครึ่ง แทงผู้ตายที่กลางหน้าอกทะลุกระดูกหน้าอก เยื่อหุ้มหัวใจ ปอดข้างขวา และแทงผู้เสียหายถูกที่ด้านหลังซ้ายยาว 2 เซนติเมตร กว้าง 0.3เซนติเมตร ลึก 15 เซนติเมตร ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองคืนเกิดเหตุพวกจำเลยมีเจตนามาดักทำร้ายพวกวัยรุ่นที่วิวาทกันในคืนก่อน ไม่มีเจตนาที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่เหตุเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายและจำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายและผู้เสียหายนั้นก็เป็นเรื่องต่างคนต่างกระทำแม้จะหลบหนีไปด้วยกันก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีไม่ถูกผู้เสียหายและการที่จำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้เสียหายก็ไม่ปรากฏบาดแผลอะไร จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย ส่วนจำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายและจิตใจเท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๓ พาอาวุธมีด ๑ เล่ม ไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร แล้วจำเลยทั้งสามกับนายประกาศิต ซึ่งเป็นเยาวชนร่วมกันใช้อาวุธมีดดังกล่าวแทงนายบรรเจิด ผู้เสียหาย โดยมีเจตนาฆ่าแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะแพทย์รักษาผู้เสียหายไว้ทันจึงไม่ถึงแก่ความตาย แต่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส และจำเลยทั้งสามกับพวกได้ร่วมกันใช้อาวุธมีดนั้นแทงนายประเสริฐผู้ตายโดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามกับพวกได้และได้อาวุธมีดกับปลอกมีดที่ใช้กระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๘๓, ๙๑, ๒๘๘, ๓๗๑
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานฆ่านายประเสริฐและพยายามฆ่านายบรรเจิด กับจำเลยที่ ๓ มีความผิดฐานพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะ ให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุกตลอดชีวิต ลงโทษตามมาตรา ๘๐, ๒๘๘ จำคุกคนละ ๑๐ ปี และลงโทษจำเลยที่ ๓ ตามมาตรา ๓๗๑ ปรับ ๑๐๐ บาท แต่เมื่อจำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต ความผิดข้อหาอื่นที่มีโทษจำคุกจึงไม่บังคับต่อไปตามมาตรา ๙๑ ของกลางริบ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและฆ่าผู้ตาย แต่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑ จำคุกคนละ ๑ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า ไม่มีเจตนาฆ่าและพยายามฆ่าผู้ตายและผู้เสียหายขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ได้ใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายและผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ ๒ ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายและจำเลยที่ ๓ ได้ชกต่อยผู้ตายก่อนที่จำเลยที่ ๑ จะแทงผู้ตาย เห็นว่าการที่จำเลยที่ ๑ ใช้มีดปลายแหลม เฉพาะตัวมีดยาวประมาณ ๖ นิ้ว กว้างประมาณ ๑ นิ้ว รวมทั้งตัวมีดและด้ามยาวประมาณ ๑๐ นิ้วครึ่ง แทงผู้ตายที่บริเวณกึ่งกลางหน้าอกระดับหัวนมคมมีดทะลุกระดูกหน้าอก ทะลุเยื่อหุ้มหัวใจ ทะลุเส้นเลือดแดงใหญ่ส่วนออกจากหัวใจและทะลุเส้นเลือดดำใหญ่ส่วนเข้าหัวใจส่วนบน ทะลุปอดข้างขวาส่วนขั้วปอด และใช้มีดแทงผู้เสียหายถูกที่ด้านหลังซ้ายส่วนล่างยาว ๒ เซนติเมตรกว้าง ๐.๓ เซนติเมตรลึกประมาณ ๑๕ เซนติเมตร เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าให้ตาย จำเลยที่ ๑ จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ อีกกระทงหนึ่ง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
สำหรับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ นั้น ได้ความว่า ผู้ตายและผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสามและพวกอีก ๑ คน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนก่อนเกิดเหตุ ๑ คืน จำเลยกับพวกมีเรื่องวิวาทกับพวกวัยรุ่น คืนเกิดเหตุขณะที่ผู้ตายและผู้เสียหายขับขี่รถจักรยานยนต์คนละคันมารับนางถม จำเลยกับพวกเข้ามาถามว่าเป็นพวกเดียวกับพวกที่รุมทำร้ายพวกจำเลยในคืนก่อนหรือไม่ ผู้ตายตอบว่าไม่ใช่จำเลยกับพวกก็ไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหายและผู้ตายทันที ต่อเมื่อผู้เสียหายพูดว่า มากันแค่นี้จะไปสู้เขาไหวหรือ พวกจำเลยคนหนึ่งได้พูดว่า สู้ไม่ได้ก็ลองดูไหม แล้วจำเลยที่ ๒ วิ่งเข้ามาใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายทันที ผู้เสียหายได้จับมือและกอดคอจำเลยที่ ๒ ไว้จำเลยที่ ๒ ดิ้นหลุด จำเลยที่ ๑ ก็ใช้มีดแทงผู้เสียหาย เมื่อผู้ตายเข้าช่วยจำเลยที่ ๑ ก็ใช้มีดแทงผู้ตายอีก ส่วนจำเลยที่ ๓ นั้นได้ความว่า ได้เข้าชกต่อยกับผู้ตายเท่านั้นเช่นนี้เห็นได้ว่า จำเลยทั้งสามกับพวกมีเจตนาร่วมกันเพื่อมารอดักทำร้ายพวกวัยรุ่นที่วิวาทกันในคืนก่อนเกิดเหตุ ไม่มีเจตนาที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายแต่อย่างใดและขณะเกิดเหตุก็ไม่ปรากฏพฤติการณ์อันแสดงว่าร่วมกันกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตายและผู้เสียหาย กรณีที่เกิดขึ้นเป็นไปโดยปัจจุบันทันด่วนต่อเนื่องจากการที่จำเลยที่ ๒ ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหาย จำเลยทั้งสามกับพวกต่างคนต่างกระทำโดยจำเลยที่ ๒ ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหาย จำเลยที่ ๓ เข้าชกต่อยผู้ตายส่วนจำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวที่ใช้มีดแทงผู้ตายและผู้เสียหาย แม้จำเลยทั้งสามกับพวกหลบหนีไปด้วยกัน พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ กับที่ ๓ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ฆ่าและพยายามฆ่าผู้ตายและผู้เสียหาย จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ คงมีความผิดแต่เฉพาะการกระทำของตนเองเท่านั้น สำหรับจำเลยที่ ๒ นั้นใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายแต่ไม่ถูกผู้เสียหาย ถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐
สำหรับจำเลยที่ ๓ นั้น ขณะเกิดเหตุได้ชกต่อยผู้ตายปรากฏว่านอกจากมีบาดแผลถูกแทงแล้วผู้ตายยังมีบาดแผลบริเวณหน้าผากข้างขวาส่วนเหนือหางคิ้ว และใต้หางคิ้วช้ำถลอกเป็นกลุ่มด้วย น่าเชื่อว่าเกิดจากการหกล้มไปกระทบพื้น บาดแผลดังกล่าวจึงไม่ได้เกิดจากการที่ผู้ตายถูกจำเลยชกต่อย จำเลยที่ ๓ ย่อมมีความผิดเพียงฐานทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ให้จำคุกจำเลยที่ ๒ ไว้มีกำหนด ๑ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share