แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
เพียงแต่ผู้ตายเป็นผู้ดำเนินการย้ายตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งที่หน้าบ้านจำเลยไปติดตั้งที่ศาลารวมใจ และโต้เถียงกับจำเลยในเรื่องดังกล่าว แม้ผู้ตายจะด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคายดังที่จำเลยอ้าง ก็หาใช่เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ทั้งจำเลยเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านท้องที่เกิดเหตุ ไม่มีเหตุที่ผู้ตายจะข่มเหงจำเลย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371, 91, 33 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ริบอาวุธปืนพร้อมซองกระสุนปืนและปลอกกระสุนปืน 2 ปลอก ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาพาอาวุธปืน ส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่นให้การว่ากระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
ระหว่างพิจารณา นางบุญทัน ภริยานายสุนทร ผู้ตายและนางสาวจิณัฐตา บุตรผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต (ที่ถูก เฉพาะความผิดฐานฆ่าผู้อื่น) โดยให้เรียกนางบุญทันว่า โจทก์ร่วมที่ 1 และนางสาวจิณัฐตาว่า โจทก์ร่วมที่ 2
โจทก์ร่วมที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 644,020 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วมที่ 1
จำเลยให้การในคดีส่วนแพ่งว่า ค่ารักษาพยาบาลโจทก์ร่วมที่ 1 สามารถเบิกได้บางส่วนจำเลยคงรับผิดเพียง 20,000 บาท ค่าปลงศพจำเลยรับผิดไม่เกิน 40,000 บาท ค่าขาดไร้อุปการะจำเลยควรรับผิดไม่เกิน 5 ปี ปีละไม่เกิน 20,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371, 33 (1) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นจำคุกตลอดชีวิต ฐานพาอาวุธปืนเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพฐานพาอาวุธปืน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษฐานฆ่าผู้อื่นหนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 37 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 37 ปี 9 เดือน ริบของกลาง ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 619,524 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 129,524 บาท นับแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2549 ซึ่งเป็นวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วมที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ
โจทก์ร่วมทั้งสองและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 549,524 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 129,524 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 18 สิงหาคม 2549) จนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ร่วมทั้งสอง (ที่ถูก โจทก์ร่วมที่ 1) โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ฎีกาโต้เถียงกันฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยขับรถจักรยานยนต์ไปพบผู้ตายและโต้เถียงกับผู้ตายเรื่องการย้ายตู้โทรศัพท์สาธารณะแล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด เป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตาย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะหรือไม่ โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองนำสืบว่า จำเลยไม่พอใจผู้ตายที่ดำเนินการย้ายตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งหน้าบ้านจำเลยไปติดตั้งที่ศาลารวมใจ วันเกิดเหตุจำเลยขับรถจักรยานยนต์ไปพบผู้ตายที่หน้าร้านค้าที่เกิดเหตุและโต้เถียงกับผู้ตาย แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด จำเลยเบิกความว่า จำเลยถามผู้ตายว่าตู้โทรศัพท์สาธารณะยังไม่ได้ต่อสายไฟ ให้ย้ายกลับไปที่บ้านจำเลยก่อนได้หรือไม่ ผู้ตายไม่ยอมและโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ผู้ตายด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคายจำเลยโกรธจึงชักอาวุธปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวยิงไป 2 นัด เห็นว่า เพียงแต่ผู้ตายเป็นผู้ดำเนินการย้ายตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งที่หน้าบ้านจำเลยไปติดตั้งที่ศาลารวมใจและโต้เถียงกับจำเลยในเรื่องดังกล่าว แม้ผู้ตายจะด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคายดังที่จำเลยอ้างก็หาใช่เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ทั้งจำเลยเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านท้องที่เกิดเหตุ ไม่มีเหตุที่ผู้ตายจะข่มเหงจำเลย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและลดโทษให้จำเลยนั้น เห็นว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเพียงเพราะเหตุดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกตลอดชีวิตเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว แต่การที่จำเลยนำสืบรับว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด และเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยที่บ้านของจำเลย จำเลยยอมให้จับกุมทั้งมอบอาวุธปืนที่ใช้ยิงผู้ตายแก่เจ้าพนักงานตำรวจ สมควรลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสาม ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานพาอาวุธปืนแล้ว เป็นจำคุก 33 ปี 7 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7