คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3828/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องบรรยายข้อสำคัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคแรก โดยย่อให้ได้ความว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีเรื่องอื่น และขอให้ศาลอนุญาตให้เข้าเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่มีการออกหมายบังคับคดีนี้ สำหรับเงื่อนไขตามมาตรา 290 วรรคสี่ เป็นกำหนดเวลาที่ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เข้ามาในทันทีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาว่าผู้ร้องได้ยื่นเข้ามาในกำหนดเวลาหรือไม่ ถ้ายื่นเกินกำหนดศาลก็ชอบที่จะยกคำร้องจึงไม่ใช่ข้อที่ผู้ร้องต้องบรรยายมาในคำร้อง ตามคำร้องของผู้ร้องระบุว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแต่จำเลยไม่มีเงินจะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้ผู้ร้องจึงมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ พอแปลได้ว่า ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องอ้างในคำร้องแล้วว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 290 วรรคสองแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาโจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีและยึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ดังกล่าวไว้แล้ว ต่อมาวันที่ 2 มกราคม 2533 ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1068/2532 หมายเลขแดงที่ 1012/2532 ของศาลชั้นต้น แต่จำเลยไม่มีเงินชำระ ขอให้ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่ปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นอันเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินของจำเลย จึงให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มาตรา 290 เป็นบทบัญญัติให้โอกาสแก่บุคคลภายนอกคดีมีสิทธิยื่นคำร้องเข้ามาในการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้และทรัพย์นั้นถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดหรืออายัดไว้แล้วได้ โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลภายนอกนั้นต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีเรื่องอื่น และต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลที่ออกหมายบังคับให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยไว้แล้ว เพื่อให้ผู้ร้องมีสิทธิเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินของจำเลยดังกล่าว เหตุที่กฎหมายให้โอกาสแก่ผู้ร้องเช่นนี้เพราะผู้ร้องจะขอให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินดังกล่าวของจำเลยซ้ำอีกไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 290 วรรคแรก ฉะนั้น คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องจึงต้องบรรยายข้อสำคัญตามมาตรา 290 วรรคแรกโดยย่อให้ได้ความว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีเรื่องอื่น และขอให้ศาลอนุญาตให้ตนเข้าเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่มีการออกหมายบังคับคดีนี้ ซึ่งตามคำร้องของผู้ร้องดังกล่าวก็ปรากฏว่าได้บรรยายไว้แล้วว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขใด ของศาลใด และขอให้ศาลคดีนี้อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์คดีนี้ จึงเป็นคำร้องที่ศาลชั้นต้นชอบจะรับไว้พิจารณาต่อไปได้ สำหรับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 290 วรรคสี่นั้น เป็นกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เข้ามาในทันทีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาว่าผู้ร้องได้ยื่นเข้ามาในกำหนดเวลาหรือไม่ ถ้าปรากฏว่ายื่นเข้ามาเกินกำหนดเวลาศาลก็ชอบที่จะยกคำร้องนั้นเสีย จึงไม่ใช่ข้อที่ผู้ร้องต้องบรรยายมาในคำร้อง และสำหรับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 290 วรรคสองซึ่งบัญญัติว่า “ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ห้ามมิให้ศาลอนุญาตตามคำขอเช่นว่านี้เว้นแต่ศาลเห็นว่าผู้ยื่นคำขอไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆของลูกหนี้ตามคำพิพากษา” นั้น เห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องระบุว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา แต่จำเลยไม่มีเงินจะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้ผู้ร้องจึงมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ ซึ่งพอแปลได้ว่าผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องอ้างในคำร้องแล้วว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 290 วรรคสอง ความส่วนนี้จึงเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่าในคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องในศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งตามรูปคดีจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share