คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์ในวันครบกำหนดอุทธรณ์โดยอ้างว่า ตัวโจทก์ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่กรุงเทพมหานครขณะศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีนี้ ตัวโจทก์เดินทางไปต่างประเทศจึงไม่ทราบคำพิพากษา คดีมีทุนทรัพย์สูง ตัวโจทก์ต้องพิจารณาปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตลอดจนตระเตรียมค่าฤชาธรรมเนียมนั้น เมื่อทนายโจทก์สามารถดำเนินคดีแทนโจทก์ได้อยู่แล้ว หากจะอุทธรณ์คำพิพากษาไปก่อนโดยขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมเพื่อรอตัวโจทก์ก็อาจกระทำได้ แต่ก็มิได้ขวนขวายกระทำ การที่โจทก์ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ในกำหนดจึงเป็นเพราะความบกพร่องของตัวโจทก์และทนายโจทก์ มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 700,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ครบกำหนดอุทธรณ์วันที่ 28 พฤษภาคม 2533 ในวันดังกล่าวทนายโจทก์ยื่นคำร้องว่าหลังจากฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 1715/4 ถนนเทอดไทแขวงตลาดพลู เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาโจทก์ได้เดินทางไปต่างประเทศและจะเดินทางกลับภายในต้นเดือน มิถุนายน 2533 ตัวโจทก์จึงยังไม่ทราบคำพิพากษาทนายโจทก์ยังไม่สามารถติดต่อกับตัวโจทก์เพื่อจะดำเนินการอุทธรณ์คำพิพากษาได้ จึงขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไป 15 วัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่ถือว่ามีพฤติการณ์พิเศษจึงไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าตัวโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์สูง ตัวโจทก์จำเป็นต้องพิจารณารายละเอียดตลอดถึงพยานหลักฐานในคดีทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายตลอดจนตระเตรียมค่าฤชาธรรมเนียมในการยื่นอุทธรณ์แต่ในขณะที่ศาลชั้นต้นได้พิจารณาพิพากษาคดีนี้ตัวโจทก์เดินทางไปต่างประเทศ จะกลับในต้นเดือนมิถุนายน 2533 ตัวโจทก์ไม่ทราบคำพิพากษาและไม่สามารถดำเนินการอุทธรณ์คำพิพากษาได้ในกำหนด เห็นว่าโจทก์มีทนายโจทก์ที่จะดำเนินคดีแทนอยู่แล้ว หากทนายโจทก์จะอุทธรณ์คำพิพากษาไปก่อนโดยขอขยายแต่เพียงระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมเพื่อรอตัวโจทก์ก็อาจกระทำได้ แต่ทนายโจทก์มิได้ขวนขวายกระทำ ด้วยเหตุดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดเป็นเพราะความบกพร่องของตัวโจทก์และทนายโจทก์เอง มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าทนายโจทก์ไม่สามารถที่จะอุทธรณ์โดยพลการ จะต้องอยู่ในการวินิจฉัยและคำสั่งของตัวโจทก์นั้น เห็นว่าหากทนายโจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาไปก่อน และตัวโจทก์ไม่ติดใจอุทธรณ์ก็อาจกระทำได้โดยการถอนอุทธรณ์อยู่แล้ว เหตุนี้จึงมิใช่เหตุที่โจทก์จะอ้างในการขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งและคำพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share