คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3515/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ยักยอกเงินของโจทก์แล้วหลบหนีไป แม้มีเงินประกันตัวและประกันตำแหน่งของจำเลยที่ 1 ที่โจทก์ยึดครองอยู่ แต่การขอหักกลบลบหนี้เป็นสิทธิของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้กับจำเลยที่ 1 จำเลยอื่นซึ่งต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในหนี้เต็มจำนวน ส่วนเงินประกันดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติในชั้นบังคับคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าเป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยทั้งห้าผิดสัญญาจ้าง และไม่ปฏิบัติตามระเบียบคำสั่งของโจทก์ว่าด้วยการถอนเงินและจ่ายเงินโดยเคร่งครัด ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้เงินตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่ 1ที่ 5 ขาดนัดและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การต่อสู้คดีหลายประการและว่าจำเลยที่ 1 มีเงินประกันตัวและเงินประกันตำแหน่งอยู่ที่โจทก์จำนวน 90,000 บาท โจทก์สามารถยึดเงินจำนวนดังกล่าวหักออกจากค่าเสียหายได้ ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยที่ 2ที่ 3 ที่ 4 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 หลบหนีคดีอาญา และไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่จะมาใช้หนี้แก่โจทก์ คงมีแต่เงินประกันตัวและเงินประกันตำแหน่งจำนวน90,000 บาท ที่โจทก์ยึดครองอยู่ หากศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง กรณีจะเป็นว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้เกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง พิเคราะห์แล้ว การขอหักกลบลบหนี้เป็นสิทธิของโจทก์เมื่อโจทก์ไม่แสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4จึงต้องรับผิดในหนี้เต็มจำนวนตามฟ้อง และเงินประกันจำเลยที่ 1จำนวน 90,000 บาท ที่โจทก์ยึดครองอยู่นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องปฏิบัติในชั้นบังคับคดีศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4

Share