คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยพาผู้เสียหายอายุ 14 ปี เศษไปร่วมหลับนอนโดยบิดามารดาของผู้เสียหายไม่ทราบ เป็นการกระทำอันละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วยและจำเลยจะมิได้ร่วมประเวณี เพียงแต่นอนกอดผู้เสียหายเท่านั้นก็ตาม การกระทำของจำเลยดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 9
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา319 วรรคแรก จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุ 14 ปีเศษ สมัครใจให้จำเลยพาไปพักค้างแรมที่จังหวัดกาญจนบุรี 1 คืน คดีมีปัญหาว่าจำเลยพาผู้เสียหายไปดังกล่าว จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ พยานโจทก์คือผู้เสียหายเบิกความว่า ได้พักค้างคืนโดยนอนร่วมกับจำเลย ระหว่างนอนอยู่ด้วยกันถูกจำเลยกอดแต่ไม่ได้ร่วมประเวณีกันเพราะผู้เสียหายห้ามไว้และผู้เสียหายยังเบิกความต่อไปอีกว่า เมื่อกลับมาบ้านได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวให้บิดาฟัง โดยโจทก์มีนายประสิทธิ์บิดาผู้เสียหายมาเบิกความสนับสนุนความข้อนี้ และโจทก์ยังมีบันทึกคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งจำเลยให้การไว้ว่าได้นอนร่วมกับผู้เสียหายเป็นพยานสนับสนุนอีกด้วย พยานโจทก์ต่างไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ข้อน่าระแวงว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยจึงไม่มี พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงกอปรด้วยเหตุผล ที่จำเลยเบิกความว่าไม่ได้นอนร่วมกับผู้เสียหายก็ดีและที่เบิกความว่าเจ้าพนักงานตำรวจบังคับให้ลงชื่อในกระดาษที่ไม่มีข้อความเป็นทำนองว่าเจ้าพนักงานตำรวจทำบันทึกคำให้การจำเลยชั้นสอบสวนขึ้นเองเพื่อปรักปรำจำเลยก็ดี มีแต่คำจำเลยปากเดียวลอย ๆ ไม่มีพยานสนับสนุน ที่ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าผู้เสียหายนอนกับจำเลยเพราะถ้านอนด้วยกันจำเลยคงอดใจไม่ได้ที่จะไม่ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าไม่เป็นดังที่ศาลอุทธรณ์ว่าเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับผู้เสียหายและจำเลยจะมีความยับยั้งชั่งใจหรือไม่มากกว่าจากเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาข้างต้น พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ คดีฟังได้ว่าจำเลยนอนร่วมกับผู้เสียหายและกอดผู้เสียหายระหว่างนอนด้วยกันดังที่ผู้เสียหายเบิกความเห็นว่า การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปร่วมหลับนอนด้วยดังกล่าวโดยบิดามารดาของผู้เสียหายไม่ทราบว่าผู้เสียหายไปไหน เป็นการละเมิดต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วยและจำเลยจะมิได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหาย แต่จำเลยกอดผู้เสียหายระหว่างนอนอยู่ด้วยกันดังนี้ การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา แต่เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์ของจำเลยที่เพียงแต่กอดไม่ได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายทั้งที่มีโอกาสจะกระทำได้ แสดงว่ารู้จักยับยั้งชั่งใจศาลชั้นต้นวางโทษจำคุกจำเลย 3 ปีศาลฎีกาเห็นว่าหนักไป สมควรวางโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมกับรูปคดี”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319วรรคแรก จำคุก 2 ปี

Share