คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3464/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือมิใช่แบบของนิติกรรมทั้งกฎหมาย ก็มิได้บัญญัติว่าหลักฐานนั้นจะต้องมีในขณะ ที่ให้กู้ยืม หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือจึงอาจ มีก่อนหรือหลังการกู้ยืมเงินก็ได้
จำเลยที่ 1 จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่โจทก์ เพื่อเป็นประกัน การชำระหนี้เงินกู้ซึ่งจำเลยที่ 1 กู้จากโจทก์เมื่อหนังสือสัญญาจำนอง ระบุให้ถือเอาสัญญาจำนองเป็นหลักฐานการกู้เงินด้วยและจำเลยที่ 1มิได้ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินที่กู้จากโจทก์ดังนี้ หนังสือสัญญาจำนองนั้น ย่อมเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1กู้เงินโจทก์จำนวน 600,000 บาท ในการกู้ยืมเงินจำเลยที่ 1 ได้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันและตกลงให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมด้วย และจำเลยที่ 1 ได้มอบเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักพลับพลาไชยสั่งจ่ายเงิน 600,000 บาท มีจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 3เป็นผู้สลักหลังให้กับโจทก์เพื่อชำระหนี้เงินกู้ 1 ฉบับ ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามกำหนดนัด โจทก์นำเช็คฉบับดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ให้เหตุผลว่าโปรดประทับตราผู้สั่งจ่ายด้วย โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสามเพิกเฉย ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้เงินเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยมาแสดง จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องคดีและไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำนอง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ เฉพาะจำเลยที่ 3 ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันชดใช้เงินให้โจทก์ 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ครบ ให้เอาที่ดินที่จำนองขายทอดตลาดใช้หนี้โจทก์ สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่โจทก์เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ซึ่งจำเลยที่ 1 กู้จากโจทก์จำนวน 600,000 บาทการกู้ยืมเงินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไปนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653เพียงแต่บัญญัติว่าถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอยางหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือมิใช่แบบของนิติกรรม ทั้งกฎหมายก็มิได้บัญญัติว่าหลักฐานนั้นจะต้องมีในขณะที่ให้กู้ยืมเงิน ดังนั้น หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือจึงอาจมีก่อนหรือหลังการกู้ยืมเงินก็ได้ เมื่อหนังสือสัญญาจำนองที่จำเลยที่ 1 ทำกับโจทก์ระบุให้ถือเอาสัญญาจำนองเป็นหลักฐานการกู้เงินและจำเลยที่ 1 เองก็มิได้ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินที่กู้จากโจทก์ หนังสือสัญญาจำนองนั้นย่อมเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือไม่มีเหตุอย่างใดที่จะห้ามมิให้โจทก์ฟ้องร้องบังคับคดี
พิพากษายืน

Share