คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอให้ตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์หรือการประกอบกิจการตามความใน ป.วิ.พ.มาตรา 307 ไม่มีกฎหมายบังคับว่าศาลจะต้องทำการไต่สวนคำร้องเสียก่อนแล้วจึงจะมีคำสั่งได้ การที่จะต้องไต่สวนตามคำร้องเสียก่อนแล้วจึงจะมีคำสั่งหรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาเห็นสมควรเป็นเรื่อง ๆ ไป
ตามคำร้องของจำเลยอ้างว่า ทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้น จำเลยได้ใช้ประกอบกิจการหารายได้มีรายได้ประจำปีเพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีได้ แต่ตามพฤติการณ์ในสำนวนปรากฏว่าจำเลยได้ผิดนัดชำระหนี้นับถึงวันที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลคิดเป็นเวลาได้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี โดยในระหว่างนั้นไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ชำระหนี้หรือผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ตามคำพิพากษาของศาลก็เปิดโอกาสให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ จึงเป็นที่เห็นได้ว่าข้อกล่าวอ้างของจำเลยตามคำร้องเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำต้องทำการไต่สวนตามคำร้องเสียก่อน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์ขอบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยหลายรายการ รวมทั้งที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๘๑๗๕ พร้อมตึกแถวสองชั้นสี่ห้องเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา
จำเลยยื่นคำร้องว่า ที่ดินพร้อมตึกแถวสองชั้นสี่ห้องซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้นั้น จำเลยใช้ประกอบกิจการหารายได้ ซึ่งมีรายได้ประจำปีเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมได้ขอให้ระงับการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวไว้ชั่วคราวและมีคำสั่งให้จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์เพื่อหาประโยชน์มาชำระหนี้ให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๗
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า ตามคำร้องกรณีไม่เข้าเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๗ และกรณียังไม่มีเหตุผลสมควรจะตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์ตามคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ไต่สวนคำร้องเสียก่อนเป็นคำสั่งที่ชอบหรือไม่ ข้อนี้จำเลยฎีกาว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๓๐๗ เป็นบทบัญญัติคุ้มครองลูกหนี้ตามคำพิพากษา เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาปลดเปลื้องหนี้สินได้โดยไม่ต้องจำหน่ายทรัพย์ที่ถูกยึด คำร้องของจำเลยระบุเหตุแห่งการขอเป็นผู้จัดการทรัพย์ครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว ศาลจึงต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยให้สิ้นกระแสความก่อน แล้วจึงมีคำสั่งคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องขอให้ตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์หรือการประกอบกิจการตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๓๐๗ ไม่มีกฎหมายบังคับว่าศาลจะต้องทำการไต่สวนคำร้องเสียก่อนแล้วจึงจะมีคำสั่งได้ การที่จะต้องไต่สวนตามคำร้องเสียก่อนแล้วจึงจะมีคำสั่งหรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาเห็นสมควรเป็นเรื่อง ๆ ไป เฉพาะคดีนี้จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๗ เพื่อให้มอบเงินรายได้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา โดยตามคำร้องของจำเลยอ้างว่า ทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้น จำเลยได้ใช้ประกอบกิจการหารายได้มีรายได้ประจำปีเพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษา รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีได้ แต่ตามพฤติการณ์ในสำนวนปรากฏว่าจำเลยได้ผิดนัดชำระหนี้นับถึงวันที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลคิดเป็นเวลาได้ไม่ต่ำกว่า ๕ ปีโดยในระหว่างนั้นไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ชำระหนี้หรือผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ตามคำพิพากษาของศาลก็เปิดโอกาสให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้หากจำเลยสามารถใช้ทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ประกอบกิจการหารายได้ประจำปีเพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้ได้จริงตามที่จำเลยกล่าวอ้างแล้ว ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจำเลยก็คงจะชำระหนี้หรือผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์บ้าง เมื่อพฤติการณ์แห่งคดีเป็นดังนี้ จึงเป็นที่เห็นได้ว่าข้อกล่าวอ้างของจำเลยตามคำร้องเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำต้องทำการไต่สวนตามคำร้องเสียก่อน
พิพากษายืน.

Share