แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การเพิกถอนกระบวนการพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรค 2 ที่จะต้องยื่นคำร้องก่อนศาลมีคำพิพากษานั้น จะใช้บังคับในกรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายเพิ่งทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วหาได้ไม่ เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติที่จะบังคับให้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนโดยที่ตนยังไม่ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนขายที่ดินให้แก่โจทก์ โจทก์ได้ชำระราคาที่ดินให้จำเลยครบแล้วและนายอำเภอได้ปิดประกาศว่าผู้ใดจะคัดค้านการขายก็ให้ยื่นคำคัดค้านต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 30 วัน ครบกำหนดแล้วแต่จำเลยไม่ไปจดทะเบียนขายที่ดินแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าว หากไม่ไปให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นหนี้เงินกู้นางวัลภา เด่นดวงบุตรสะใภ้โจทก์ โจทก์เกรงบุตรสะใภ้จะไม่ได้รับชำระเงินคืนจากจำเลย จึงแนะนำให้จำเลยไปยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนโอนขายที่ดินแก่โจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้ชำระเงินแก่จำเลยตามที่ฟ้องแต่อย่างใดเป็นนิติกรรมอำพรางอันเกิดจากการฉ้อฉลหลอกลวงเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต โจทก์และจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกันโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์ถ้าไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกใด ๆ จากศาลในคดีนี้ และบิดาจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องไว้แทนจำเลยการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา จำเลยไม่เคยมอบอำนาจให้นางเรณูดำเนินคดีแทนและนางเรณูไม่เคยตั้งนายเมธา บุญทิพย์จำปา ให้เป็นทนายความของจำเลย นายเมธาไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนจำเลยการที่นายเมธายื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยไปทั้งหมดจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการผิดระเบียบ ทำให้จำเลยเสียหาย หากจำเลยได้นำพยานหลักฐานเสนอต่อศาลเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องคำพิพากษาของศาลจะต้องเปลี่ยนไป จึงขอให้ศาลไต่สวนคำร้องนี้ และมีคำสั่งเรียกจำเลยเข้าสู้คดีต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 การร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบต้องยื่นก่อนศาลมีคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว จึงไม่ชอบ และการแก้ไขคำพิพากษาที่ไม่ใช่ข้อผิดหลงเล็กน้อยต้องกระทำโดยศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาเท่านั้นจึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า “ข้อค้านเรื่องผิดระเบียบนั้น คู่ความฝ่ายที่เสียหายอาจยกขึ้นกล่าวได้ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษา แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่คู่ความฝ่ายนั้นได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น แต่ทั้งนี้คู่ความฝ่ายนั้นต้องมิได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบแล้ว หรือต้องมิได้ให้สัตยาบันแก่การผิดระเบียบนั้น ๆ” ย่อมเห็นได้ว่าบัญญัติขึ้นใช้แก่กรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น จะใช้กับกรณีที่คู่ความฝ่ายที่เสียหายเพิ่งทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วหาได้ไม่ เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติที่จะบังคับให้คู่ความฝ่ายที่เสียหายจากกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาเสียก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาโดยที่ตนยังไม่ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้รับคำร้องของจำเลยไว้ไต่สวนต่อไป