คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2017/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใบรับรองการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์เป็นเอกสารที่กรมการขนส่งทางบกมอบให้บริษัทซึ่งได้รับอนุญาตให้จัดตั้งสถานตรวจสภาพรถเพื่อตรวจสภาพรถยนต์และออกใบรับรองเพื่อเป็นหลักฐานว่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ได้ผ่านการตรวจสภาพแล้ว พนักงานของบริษัทซึ่งมีหน้าที่ออกใบรับรองมิใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย ใบรับรองที่ออกโดยพนักงานของบริษัทจึงถือไม่ได้ว่าเป็นเอกสารราชการตาม ป.อ. มาตรา 1 (8) การที่จำเลยทำใบรับรองการตรวจสภาพรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ปลอมไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งเพื่อใช้ประกอบการเสียภาษีประจำปี จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 มิใช่มาตรา 265 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความจะมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 264, 265, 268 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 จำคุกกระทงละ 2 ปี รวม 3 กระทงจำคุก 6 ปี ริบของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจึงให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยนำใบรับรองการตรวจสภาพตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์พร้อมใบคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไปยื่นต่อนางสาวธนาเพ็ญเพื่อชำระภาษีประจำปีรถจักรยานยนต์ โดยจำเลยรู้หรือไม่ว่าเป็นเอกสารปลอม เห็นว่า จากคำเบิกความของนางนุจรินทร์ซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ การยื่นคำขอต่อทะเบียนและชำระภาษีประจำปีรถจักรยานยนต์ จะต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ของสถานตรวจสภาพรถเอกชนแนบไปพร้อมใบคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์แต่นางนุจรินทร์คงมอบแต่เพียงใบคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์พร้อมกับเงิน 500 บาท ให้แก่จำเลยเท่านั้น ซึ่งเป็นการตกลงกันโดยปริยายว่าจำเลยจะต้องเป็นผู้จัดหาใบรับรองการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ทั้งนี้เพราะขณะที่นางนุจรินทร์นำรถจักรยานยนต์ไปต่อทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกนั้น รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมีการขูดหมายเลขตัวถังรถไปด้วย ระหว่างนั้นนางนุจรินทร์และจำเลยได้ใช้เวลาพูดคุยกันนานพอที่นางนุจรินทร์จะจดจำใบหน้าและชื่อของหญิงคนดังกล่าวได้ เพราะมิฉะนั้นแล้วคงไม่อาจใช้ให้ลูกจ้างของนางนุจรินทร์ไปรับใบคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์คืนได้ถูกต้อง แม้นางนุจรินทร์จะเบิกความว่าจำหน้านางสาวสัจพรไม่ได้เนื่องจากเป็นเวลานานแล้วก็ตาม แต่นางนุจรินทร์ยังคงยืนยันว่าได้พบกันนางสาวสัจพร ซึ่งจำเลยเบิกความรับว่าขณะที่จำเลยยื่นเรื่องขอต่อทะเบียนและชำระภาษีรถจักรยานยนต์รวม 3 คัน ต่อเจ้าหน้าที่ขนส่งฝ่ายรถจักรยานยนต์สำนักทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบกนั้น มีเอกสารเกี่ยวกับรถของนางนุจรินทร์รวมอยู่ด้วย และปรากฏว่าเอกสารใบรับรองการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่ใช้ประกอบการขอต่อทะเบียนรถดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม โดยมีกระดาษกาวขูดเลขตัวถังรถติดอยู่ด้วย จำเลยมีชื่อเดียวกับหญิงคนที่นางนุจรินทร์มอบหนังสือใบคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์พร้อมเงิน 500 บาท ให้ และมีอาชีพรับจ้างยื่นคำขอต่อทะเบียนและชำระภาษีรถแทนเจ้าของรถ ถูกจับได้ในขณะนำเอกสารใบรับรองการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ปลอมที่ใช้ประกอบการขอต่อทะเบียนและชำระภาษีรถของนางนุจรินทร์และของรายอื่นไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกซึ่งเป็นเวลาต่อเนื่องใกล้ชิดกับวันเวลาที่หญิงชื่อนางสาวสัจพรรับจ้างนางนุจรินทร์ดำเนินการ จึงเชื่อได้ว่านางสาวสัจพรที่นางนุจรินทร์พบเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีนี้ แม้นายนิเวศน์ผู้นำรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กกก กท 122 ไปขอต่อทะเบียนและชำระภาษีจะไม่ได้เบิกความถึงจำเลย และโจทก์มิได้นำพยานผู้เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร 2 ช – 1251 มาเบิกความก็ตาม แต่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมใบรับรองการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ปลอมของรถทั้ง 2 คัน ดังกล่าวเป็นของกลาง ตามพฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นว่าจำเลยนำใบคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ 3 เล่ม พร้อมใบรับรองการตรวจสภาพตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์อันเป็นเอกสารราชการปลอม 3 ฉบับ ไปยื่นต่อนางสาวธนาเพ็ญเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกในคราวเดียวกันเพื่อชำระภาษีประจำปีรถจักรยานยนต์แทนเจ้าของรถ 3 คัน โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเอกสารราชการปลอม โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่กรมการขนส่งทางบก จึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม ที่จำเลยและนางสาวนรินทรอ้างว่า นางแขกเป็นผู้นำใบคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์และใบรับการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ไปมอบให้ โดยไม่ปรากฏหลักฐานจากการนำสืบของจำเลยว่านางแขกจะมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่และมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด จึงเป็นเรื่องผิดปกติและเป็นพิรุธ นอกจากนี้ พยานจำเลยยังเบิกความแตกต่างขัดแย้งกัน จึงไม่มีน้ำหนัก
อนึ่ง ใบรับรองการตรวจสภาพรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์เป็นเอกสารที่กรมการขนส่งทางบกมอบให้บริษัทซึ่งได้รับอนุญาตให้จัดตั้งสถานตรวจสภาพรถเพื่อตรวจสภาพรถยนต์และออกใบรับรองเพื่อเป็นหลักฐานว่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ได้ผ่านการตรวจสภาพแล้ว พนักงานของบริษัทซึ่งมีหน้าที่ออกใบรับรองมิใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย ใบรับรองที่ออกโดยพนักงานของบริษัทจึงถือไม่ได้ว่าเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (8) การที่จำเลยนำใบรับรองการตรวจสภาพรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ปลอมไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งเพื่อใช้ประกอบการเสียภาษีประจำปีจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 มิใช่มาตรา 265 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความจะมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 3 กระทง จำคุก 3 ปี ริบของกลาง.

Share