คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3429/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 และเป็นผู้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงในฐานะเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์กระทำการกำหนดค่าทดแทนที่ดินในนามจำเลยที่ 1โดยไม่ปรากฏว่ากระทำไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้กำหนดค่าทดแทนที่ดินให้โจทก์117 ตารางวาแรก ในอัตราตารางวาละ 1,800 บาท และ 27 ตารางวาหลังในอัตราตารางวาละ 1,200 บาท ซึ่งโจทก์เห็นว่าเป็นการกำหนดค่าทดแทนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรมกับโจทก์ โดยที่ดินของโจทก์อยู่ใกล้ย่าน ธุรกิจการค้า การคมนาคมสะดวกราคาซื้อขายในท้องตลาด ไม่ต่ำกว่าตารางวาละ 10,000 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มให้แก่โจทก์อีกเป็นจำนวนเงิน 1,197,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2524 จนถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ย 422,940 บาท รวมเป็นเงินค่าทดแทนพร้อมดอกเบี้ย1,619,940 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินค่าทดแทน 1,197,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาล สายรัชดาภิเษก ตอนแขวงวัดท่าพระ-แขวงสามเสนนอก พ.ศ. 2524 ได้มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งคณะกรรมการปรองดองเพื่อพิจารณาไกล่เกลี่ยค่าทดแทนให้แก่เจ้าของทรัพย์สินที่ถูกเวนคืน ที่ดินของโจทก์ถูกเขตทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกช่วงถนนนางลิ้นจี่ ถึงถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาตัดผ่านบางส่วนซึ่งที่ดินของโจทก์ที่ติดถนนซอยเอกชนที่รถยนต์เข้าถึงหรือจากถนนซอยเข้าไปไม่เกิน 20 เมตร และเป็นถนนซอยขนาดกว้างเกินกว่า4 เมตร คณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนให้โจทก์ตามราคาตลาด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2524 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มให้แก่โจทก์อีกเป็นเงิน 284,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม2528 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ด ครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2524 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า ราคาที่ดินของโจทก์ในวันที่20 ธันวาคม 2524 ซึ่งเป็นวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงใช้บังคับมีราคาที่ซื้อขายในท้องตลาดประมาณตารางวาละ 6,000 บาทที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเป็นเนื้อที่ 144 ตารางวา คิดเป็นเงินจำนวน 864,000 บาท จำเลยได้กำหนดค่าทดแทนโจทก์ให้โจทก์ไว้แล้วจำนวน 291,600 บาท จึงต้องเพิ่มอีกจำนวน 572,400 บาท แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชำระค่าทดแทนที่ดินเป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า แม้ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวง พ.ศ. 2524 ตามฟ้อง จะกำหนดให้จำเลยที่ 2เป็นผู้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาก็ตาม แต่ก็กระทำในนามจำเลยที่ 1 โดยไม่ปรากฏว่ากระทำไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใดจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1 ปัญหาต่อไปมีว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าดอกเบี้ยในเงินค่าทดแทนเพิ่มเติมนับตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2524 หรือไม่ เห็นว่า ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 วรรคสอง บัญญัติให้เจ้าของที่ดินได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในเงินค่าทดแทนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับ คือ วันที่ 20 ธันวาคม 2524 ในข้อนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ชอบแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินทดแทนที่ดินเพิ่มให้โจทก์อีกจำนวน 572,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2524 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share