แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ นั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แม้จะมิได้กำหนดโทษไว้แต่ความผิดฐานดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนี้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๗๑,๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิริบปลอกกระสุนปืนของกลาง และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๒๓๓๕/๒๕๒๗
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๒๓๓๕/๒๕๒๗ ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและผิดตามพ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ, ๗๒ ทวิ ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้วจึงไม่กำหนดโทษสำหรับข้อหานี้อีกของกลางริบ คำขอและข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ส่วนข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และโดยไม่มีเหตุสมควรนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แม้ศาลล่างจะมิได้กำหนดโทษไว้แต่ความผิดฐานนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี จะกำหนดโทษเกิน ๕ ปีไม่ได้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๘ ที่จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดข้อหาดังกล่าวจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย (แล้วศาลฎีกาฟังว่าจำเลยเป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย)
พิพากษาแก้เฉพาะโทษเป็นว่า ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้วางโทษจำคุก ๒๐ ปี ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและโดยไม่มีเหตุสมควร ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ, ๗๒ ทวิ วางโทษจำคุก ๑ ปีเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ รวมเป็นโทษจำคุก ๒๑ ปี คำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๑๔ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.