คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3350/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุด โจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหาย คู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกัน และแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่งหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในทางแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญา ก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะจำเลยได้ร่วมกับร้อยเอก ม. แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม 11 ฉบับ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริง ความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำผิดในคดีอาญา
ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา กรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่ง ศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหาร ดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด คดีแพ่งในส่วนนี้จึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่ และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหาร ไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์ แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไป ส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอมอันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญา คำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของโจทก์ให้ทำได้เช่นนั้น แต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป กระดาษพิมพ์ดังกล่าวจะต้องเก็บในที่ที่มีความชื้นน้อย หน่วยงานโจทก์ไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ จำเลยจึงต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขายซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ทราบและปฏิบัติทำนองเดียวกันเรื่อยมาดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อ จึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์
(อ้างฎีกาที่ 280/2520)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการตำแหน่งประจำแผนกวิเคราะห์ ศูนย์กรรมวิธีข้อมูล สำนักงานปลัดบัญชีทหาร ในสังกัดของโจทก์มีหน้าที่ทำบันทึกเสนอความต้องการจัดหาพัสดุเครื่องเขียนแบบพิมพ์นำเสนอผู้อำนวยการหน่วยงานดังกล่าวลงนามเพื่อนำเสนอต่อไปยังหน่วยงานอื่นในสังกัดของโจทก์ที่มีหน้าที่ดำเนินการจัดซื้อพัสดุเครื่องเขียนแบบพิมพ์ที่ต้องการนำมาใช้ในราชการของหน่วยงานศูนย์กรรมวิธีข้อมูล ผู้อำนวยการศูนย์กรรมวิธีข้อมูลได้ลงนามในบันทึกเสนอความต้องการจัดหาเครื่องเขียนแบบพิมพ์จำนวน ๑๑ ฉบับซึ่งจำเลยทำขึ้น เมื่อจำเลยนำเสนอต่อไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่ดำเนินการจัดซื้อ จำเลยได้ร่วมกับร้อยเอกมณี สมแสงแก้ไขเพิ่มเติมรายการและจำนวนสิ่งของให้มากขึ้นโดยพลการ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องใช้จ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของตามรายการและจำนวนเงินเพิ่มขึ้นเป็นเงิน ๓,๑๒๗,๙๑๐ บาท และเมื่อผู้ขายนำสิ่งของตามรายการและจำนวนที่เพิ่มขึ้นมาส่งต่อคณะกรรมการตรวจรับของที่โจทก์แต่งตั้ง จำเลยลงนามรับสิ่งของดังกล่าวไปจากกรรมการตรวจรับโดยไม่มีอำนาจอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๔๙๘ ข้อ ๒๗ หลังจากนั้นจำเลยได้นำใบเบิกพัสดุสิ่งอุปกรณ์ตามจำนวนที่ระบุในใบเสนอความต้องการทั้ง ๑๑ ฉบับ เสนอบัญชีทหารเป็นผู้เบิกจากคลังพลาธิการ กองพลาธิการ กองอำนวยการ กรมสารบรรณทหาร โดยจำเลยลงชื่อรับพัสดุสิ่งอุปกรณ์แทนปลัดบัญชีทหารและรับพัสดุสิ่งอุปกรณ์ไปโดยไม่ได้นำไปมอบให้กับปลัดบัญชีทหารตามหน้าที่ และมิได้ดูแลเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในราชการ แต่ได้นำสิ่งของดังกล่าวบางส่วนไปฝากไว้กับร้านสหกรณ์กลาโหม บริษัทศิริเอเซีย คอร์ปเพอร์เรชั่น ห้างหุ้นส่วนจำกัดศิริภัณฑ์สเตชั่นเนอรี่ แทนที่จะเก็บรักษาไว้ในคลังของโจทก์เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์ให้เรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบแบบแผนของทางราชการอันเป็นการประพฤติมิชอบ และโดยทุจริตเบียดบังยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตนและผู้อื่น เป็นเหตุให้สิ่งของดังกล่าวสูญหายขาดบัญชีไปคิดเป็นเงิน ๑,๘๔๓,๗๑๔.๕๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน๑,๘๔๓,๗๑๔.๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยร่วมกับร้อยเอกมณี สมแสง แก้ไขเพิ่มเติมรายการและจำนวนสิ่งของในบันทึกเสนอตามฟ้อง หากมีการแก้ไขก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ และการที่จำเลยลงนามรับสิ่งของและนำไปฝากบุคคลอื่นไว้เพราะสถานที่เก็บรักษามีไม่เพียงพอ ต่อมาจำเลยก็ได้รับคืนมาเก็บรักษาตามปกติโดยมีผู้ตรวจรับถูกต้องมิได้สูญหาย รายการสิ่งของขาดบัญชีตามจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดและไม่รับรองความถูกต้อง ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑,๘๔๓,๗๑๔.๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยมิได้กระทำการอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง และว่าการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยได้ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาซึ่งศาลทหารสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว คดีนี้จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์ที่ขอให้จำเลยรับผิดชดใช้แก่โจทก์เป็นการกระทำอันเป็นการละเมิด เป็นมูลคดีเกี่ยวกับคดีอาญาซึ่งศาลทหารสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และมิได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดและอย่างไร การพิพากษาคดีแพ่งจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญา แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำนวนสิ่งของที่สูญหายขาดบัญชีเพิ่มขึ้นใหม่ก็ตามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๕๔ การกระทำของจำเลยตามฟ้องจึงไม่เป็นละเมิดพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่าจะนำผลในคดีอาญามาใช้บังคับในคดีนี้ไม่ได้เพราะไม่ใช่คู่ความเดียวกัน ทั้งเป็นคนละข้อหา พยานหลักฐานเป็นคนละชุด และข้อเท็จจริงในส่วนคดีแพ่งที่ว่าจำเลยประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และเป็นการฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนของทางราชการโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายไม่มีในส่วนอาญา จึงยังไม่ได้มีการพิจารณาพิพากษาข้อเท็จจริงดังกล่าวในศาลทหาร
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า แม้คดีอาญาจะมีอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ ก็ถือว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีแทนกองบัญชาการทหารสูงสุด โจทก์ในคดีแพ่งซึ่งเป็นผู้เสียหายคู่ความทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งจึงเป็นคู่ความเดียวกัน และแม้ข้อหาในคดีอาญาจะต่างกับคดีแพ่ง หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าความรับผิดในคดีแพ่งเกิดขึ้นเนื่องจากผลของการกระทำผิดในคดีอาญา ก็อาจเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามคำฟ้องที่ให้จำเลยรับผิดเพราะได้ร่วมกับร้อยเอกมณี สมแสง แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนสิ่งของลงในบันทึกข้อความเสนอความต้องการสิ่งของไปยังแผนกธุรการสำนักงานปลัดบัญชีทหารรวม ๑๑ ฉบับ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินในการจัดซื้อวัสดุสิ่งของเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าความต้องการที่แท้จริง ความรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์เป็นผลจากการกระทำความผิดในคดีอาญา ข้อเท็จจริงตามฟ้องในคดีแพ่งส่วนนี้ยังเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา กรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๕๔ ที่บัญญัติให้การพิพากษาคดีแพ่ง ศาลพลเรือนจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาของศาลทหารดังนั้นเมื่อศาลทหารสูงสุดพิพากษายกฟ้องเพราะการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเนื่องจากไม่ได้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด คดีแพ่งในส่วนนี้จำต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าการกระทำของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการละเมิดและจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำฟ้องในส่วนหลังของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดเพราะจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ฝ่าฝืนระเบียบแบบแผนทางราชการโดยจำเลยตรวจรับสิ่งของโดยไม่มีหน้าที่ และไม่นำสิ่งของไปมอบปลัดบัญชีทหาร ไม่ควบคุมดูแลทรัพย์สินของโจทก์ แต่นำไปฝากที่อื่นเป็นเหตุให้พัสดุสิ่งของสูญหายขาดบัญชีไป ส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องจำเลยถูกหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม อันเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญา คำฟ้องคดีนี้ของโจทก์ตอนหลังจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา และดังนั้นการรับฟังข้อเท็จจริงในส่วนแพ่งจึงต้องเป็นไปตามบทบัญชีแห่งกฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง
การที่จำเลยนำกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องไปฝากไว้ที่บริษัทผู้ขายแม้จะไม่มีระเบียบของทางราชการให้ทำเช่นนั้นได้ แต่จะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องแล้วแต่พฤติการณ์ในแต่ละเรื่องไป สำหรับกรณีจำเลยนี้ได้ความว่ากระดาษพิมพ์ต่อเนื่องเป็นสิ่งของที่จะต้องใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ จำต้องเก็บในที่มีความชื้นน้อยศูนย์กรรมวิธีข้อมูลไม่มีที่เก็บสิ่งของเช่นนี้ จึงเป็นความจำเป็นเพื่อรักษาประโยชน์ของทางราชการ จำเลยจึงจำต้องเก็บรักษาไว้ที่บริษัทผู้ขาย และผู้บังคับบัญชาก็ทราบเรื่องนี้แต่ปล่อยให้มีการปฏิบัติทำนองเดียวกันนี้เรื่อยมา จนแม้ผู้บังคับบัญชาจำเลยก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องบกพร่องต่อหน้าที่เท่านั้น ความบกพร่องในหน้าที่ของจำเลย จึงยังไม่ถึงขนาดเป็นประมาทเลินเล่อ จำเลยจึงไม่มีความรับผิดทางละเมิดต่อโจทก์ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๘๐/๒๕๒๐ ระหว่างกระทรวงการคลัง โจทก์ นายหล บุนนาค กับพวก จำเลย เป็นดังนี้จึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นอีกต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share