แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมายบิดามารดาไม่จำต้องจดทะเบียนสมรสกัน แต่ต้องถือตามความเป็นจริง
ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์เป็นทายาทลำดับ 3 ของ ช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 และเป็นผู้จัดการศพของ ช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ ช.ตาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของ ช.ร่วมบิดามารดาเดียวกัน โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลย คือ ค่าปลงศพ ค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพ ช.ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ร่วมบิดามารดาเดียวกันนายเชาวลิต แซ่โง้ว บิดามารดาถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ทั้งสองอุปการะเลี้ยงดูนายเชาวลิตและนายเชาวลิตอยู่ร่วมครอบครัวเดียวกับโจทก์ที่ ๒ ตลอดมา นายบุญ หรือเปี๊ยก หรือจะแกลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ ๑ ซึ่งนายเชาวลิตเป็นผู้ขับและนางลาวัลย์ เจริญพิทยา นั่งซ้อนท้ายสวนทางมาชนรถจักรยานยนต์หักพังใช้ประโยชน์ไม่ได้ นายเชาวลิตและนางลาวัลย์ ถึงแก่ความตายโจทก์เสียค่าปลงศพนายเชาวลิต เป็นเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท ค่ารถจักรยานยนต์ ๓๐,๐๐๐ บาท ขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายดังกล่าวพร้อมทั้งค่าขาดไร้อุปการะเป็นเวลา ๒๐ ปีรวมเป็นเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันทำละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่า โจทก์ทั้งสองไม่ใช่พี่ร่วมบิดามารดาเดียวกับนายเชาวลิต โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่มีสิทธิและหน้าที่ใด ๆ ให้ฟ้องได้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายว่าโจทก์ทั้งสองมีสิทธิและหน้าที่ต่อนายเชาวลิตอย่างไร ใครเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงจำเลยทั้งสองต้องชำระค่าเสียหายให้ผู้ใดเป็นจำนวนเท่าใด ทั้งยังไม่แสดงหลักฐานรายการความเสียหายมาในฟ้อง ทำให้จำเลยไม่เข้าใจสภาพแห่งข้อหา นายบุญหรือเปี๊ยก หรือจะแก มิได้เป็นลูกจ้างของจำเลยทั้งสองและมิได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปในทางการที่จ้างของจำเลยทั้งสอง เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของนายเชาวลิตหรือนายเชาวลิตมีส่วนประมาทร่วมด้วย โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระค่าปลงศพและค่าซ่อมแซมรถจักรยานยนต์รวมเป็นเงิน ๗๘,๑๑๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันกระทำละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์ครบถ้วน คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยที่ ๑ ใช้เป็นเงิน ๖๘,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า บิดามารดาของโจทก์ทั้งสองและนาวเชาวลิตจะจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะทำให้ความเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาของโจทก์ทั้งสองและนายเชาวลิตเปลี่ยนแปลงไปเพราะกฎหมายมิได้กำหนดว่า การเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องให้บิดามารดาจดทะเบียนสมรสกันด้วย จึงต้องถือความเป็นพี่น้องกันตามความเป็นจริง ฉะนั้น เมื่อบิดามารดาถึงแก่กรรมและนายเชาวลิตไม่มีผู้สืบสันดาน โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นทายาทลำดับ ๓ ของนายเชาวลิตผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๙ จึงเป็นผู้จัดการศพของนายเชาวลิตและมีอำนาจฟ้อง ให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันได้แก่ค่าปลงศพ เพราะเหตุที่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ชนนายเชาวลิตถึงแก่ความตายได้
ส่วนฎีกาของจำเลยที่ ๑ ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่ามีสิทธิฟ้องคดีอย่างไร และไม่มีหลักฐานใดแสดงมาในฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่เสียหายนั้น ก็ปรากฏตามฟ้องของโจทก์ทั้งสองแล้วว่าโจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชาย และพี่สาวนายเชาวลิต แซ่โง้ว ร่วมบิดามารดาเดียวกัน และโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลยทั้งสอง คือ ค่าปลงศพค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ ๑ โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าว เป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพนายเชาวลิต ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ ๑ เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้าง ฟ้องของโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณาอยู่แล้วฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน