แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยและจำเลยร่วมเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ เนื่องจากคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นส่งเอกสารหมาย ล.26 ไปตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยร่วมที่กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ กับให้ส่งประเด็นไปสืบร้อยตำรวจเอกโชติ ชุมนุม พยานจำเลยที่ศาลจังหวัดพังงา ซึ่งการพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจพิจารณาพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2)ศาลชั้นต้นจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์อย่างเคร่งครัดการที่โจทก์ยื่นฎีกาเข้ามาจึงเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย และการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้นั้นก็ถือว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งแทนศาลฎีกา ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิจารณาสั่งเพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งให้รับฎีกาฉบับลงวันที่ 16 ตุลาคม2530ของโจทก์เสีย ฯลฯ
หมายเหตุ ทนายโจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 147)
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและบ้านของโจทก์ พร้อมส่งมอบที่ดินและบ้านคืนโจทก์ในสภาพที่เรียบร้อย และห้ามมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินและบ้านดังกล่าวอีกต่อไป กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ5,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและบ้านของโจทก์เสร็จสิ้นจำเลยยื่นคำให้การและฟ้องแย้งระหว่างพิจารณา ร้อยตำรวจเอกนัทธีสำเภายนต์ สามีจำเลยขอเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาจำเลยขอส่งลายมือชื่อจำเลยร่วมตามเอกสารหมาย ล.26 ไปตรวจพิสูจน์ และขอให้ส่งประเด็นไปสืบร้อยตำรวจเอกโชติ ชุมนุม พยานจำเลยที่ศาลจังหวัดพังงา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต กับไม่อนุญาตให้จำเลยซักถามนางสาย เจริญทอง พยานจำเลยเสมือนหนึ่งนางสายนั้นเป็นพยานซึ่งโจทก์อ้างมาตามที่จำเลยขอ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลย จำเลยร่วม และบริวารออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาทตามที่โจทก์ฟ้องและให้จำเลยจำเลยร่วม ร่วมกันส่งมอบที่ดินและบ้านพิพาทในสภาพเรียบร้อยให้โจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป กับให้จำเลย จำเลยร่วมร่วมกันชำระค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 2,000 บาท ให้โจทก์โดยคิดให้นับแต่วันฟ้อง (29 กุมภาพันธ์ 2527) จนกว่าจำเลย จำเลยร่วมและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากทรัพย์พิพาท และส่งคืนทรัพย์พิพาทตามฟ้องให้โจทก์เสร็จ ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยและจำเลยร่วมเสีย
จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นส่งเอกสารหมาย ล.26 ไปตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยร่วมที่กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ และให้ส่งประเด็นไปสืบร้อยตำรวจเอกโชติ ชุมนุม พยานจำเลยที่ศาลจังหวัดพังงา ตามคำแถลงของจำเลยในรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2527 แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา (อันดับ 139)
จำเลยและจำเลยร่วมยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 144)
คำสั่ง
คดีนี้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังไม่ถึงที่สุด โจทก์มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ โดยไม่จำต้องรอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียก่อนดังที่จำเลยและจำเลยร่วมอ้างศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องฎีกาของโจทก์ไว้ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ