แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่าเมื่อความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดตรังและอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดตรังได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าการชำระคดีที่ศาลชั้นต้นจะสะดวกกว่าจึงไม่ประทับรับฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืนผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาไม่ได้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 340, 340 ตรี ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง และนับโทษจำคุกจำเลยทั้งสามต่อจากโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3211/2545 ของศาลจังหวัดทุ่งสง
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่า แม้เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชเป็นภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 (1) มิได้บังคับให้ศาลชั้นต้นต้องรับชำระคดี เพียงเป็นดุลพินิจของศาลจะรับชำระคดีหรือไม่ก็ได้ เมื่อความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดตรังและอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลจังหวัดตรังได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าการชำระคดีที่ศาลชั้นต้นจะสะดวกกว่า จึงไม่ประทับรับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่า เมื่อความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดตรังและอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลจังหวัดตรังได้ทั้งไม่ปรากฏว่าการชำระคดีที่ศาลชั้นต้นจะสะดวกกว่า จึงไม่ประทับรับฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาไม่ได้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกฎีกาของโจทก์.