แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้บังคับการตำรวจภูธร เขต 3 มีคำสั่งให้จำเลยเป็นสิบตำรวจตรีประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิทำหน้าที่ผู้ช่วยเสมียนทะเบียนยานพาหนะกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ จำเลยจึงมีหน้าที่รับเงินค่าภาษีรถยนต์และค่าภาษียานพาหนะอื่น ได้ทั้งหมดแล้วนำส่งให้แก่สารวัตรการเงินและบัญชี การที่ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิมีคำสั่งให้จำเลยเป็นหัวหน้า สำหรับประเภทล้อเลื่อน ไม่มีผลเป็นการลบล้างหรือยกเลิกคำสั่งของกองบังคับการตำรวจภูธร เขต 3 ซึ่งเป็นหน่วยราชการ ที่เหนือกว่าได้ จำเลยยังคงมีอำนาจและหน้าที่ปฏิบัติงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยเสมียนทะเบียนยานพาหนะกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ อยู่เช่นเดิมเมื่อจำเลยรับเงินค่าภาษีรถยนต์แล้วเบียดบังเป็นของจำเลย ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
จำเลยอ้างว่าคำสั่งของผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเพราะออกโดยอาศัยอำนาจตามระเบียบกรมตำรวจว่าด้วยการมอบหมายอำนาจการสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ แต่โจทก์จำเลยมิได้อ้างและนำสืบถึงระเบียบดังกล่าว จำเลยได้นำเข้าสู่สำนวนความโดยมีคำแถลงส่งต่อศาลอุทธรณ์เมื่อจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว จึงเป็นข้อที่จำเลย มิได้อ้างไว้ในศาลชั้นต้นศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗, ๑๕๗ และมาตรา ๓๕๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ ให้จำคุก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ให้จำคุก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่ในแผนกทะเบียนยานพาหนะจังหวัดชัยภูมิ จำเลยได้รับเงินจากนายลมเจ้าของรถยนต์บรรทุกเพื่อชำระค่าภาษีแล้วมิได้นำส่งสารวัตรการเงินและบัญชีตามระเบียบโดยยักยอกไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ หรือไม่ เห็นว่าผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต ๓ ได้มีคำสั่งให้จำเลยเป็นสิบตำรวจตรีประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิทำหน้าที่ผู้ช่วยเสมียนทะเบียนยานพาหนะกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ตามเอกสารหมาย จ.๓ จำเลยจึงมีหน้าที่รับเงินค่าภาษีรถยนต์และค่าภาษียานพาหนะอื่นได้ทั้งหมด และเมื่อจำเลยรับเงินค่าภาษีดังกล่าวแล้วจำเลยมีหน้าที่นำส่งให้แก่สมุห์บัญชีกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิหรือสารวัตรการเงินและบัญชี การที่ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิได้มีคำสั่งตามเอกสารหมาย จ.๕ ให้จำเลยเป็นหัวหน้าสำหรับประเภทล้อเลื่อนนั้น ได้ความจากพันตำรวจโทชวลิต รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิว่า คำสั่งของผู้กำกับการตำรวจภูธรฯ ไม่มีผลเป็นการลบล้างหรือยกเลิกคำสั่งของกองบังคับการตำรวจภูธรเขต ๓ เพราะกองบังคับการตำรวจภูธรเขต ๓ เป็นหน่วยราชการเหนือกว่ากองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ จำเลยยังคงมีอำนาจและหน้าที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้ช่วยเสมียนทะเบียนยานพาหนะกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิอยู่เช่นเดิม เมื่อจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับเงินค่าภาษีรถยนต์ เมื่อได้รับเงินค่าภาษีรถยนต์จากผู้เสียหายแล้ว มิได้นำส่งตามระเบียบ และได้เบียดบังเป็นของจำเลยเช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าคำสั่งตามเอกสารหมาย จ.๕ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเพราะผู้กำกับการตำรวจภูธรได้ออกโดยอาศัยอำนาจตามระเบียบกรมตำรวจว่าด้วยการมอบหมายอำนาจการสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๕ ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ และศาลอุทธรณ์ได้รับวินิจฉัยให้นั้น ปรากฏว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ตลอดมา โจทก์จำเลยมิได้อ้างและนำสืบถึงระเบียบดังกล่าว จำเลยได้นำเข้าสู่สำนวนความโดยมีคำแถลงส่งต่อศาลอุทธรณ์เมื่อจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว จึงเป็นข้อที่จำเลยมิได้อ้างไว้ในศาลชั้นต้นศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีและลงโทษจำคุกจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น