แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับซื้อถ่านไม้อันเป็นของป่าหวงห้ามแล้วพาถ่านไม้ นั้น ไปเสียให้พ้นพาเคลื่อนที่จากป่าโดยจำเลยรู้อยู่ แล้วว่าถ่านไม้ ดังกล่าวเป็นของป่าหวงห้ามที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิดฐาน เก็บหาของป่าหวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ มิได้เสียค่าภาคหลวงอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการเก็บหาของป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 29,70
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 5, 27, 29, 70, 71 ทวิ 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494มาตรา 11 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 5 พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 9 พระราชกฤษฎีกากำหนดของป่าหวงห้าม พ.ศ. 2505 มาตรา 4 กฎกระทรวงฉบับที่ 19 (พ.ศ. 2507) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ว่าด้วยการเก็บหาของป่าหวงห้าม ข้อ 2, 3, 4, 5, 6ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2507 คืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของและริบถ่านไม้ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ รถยนต์ของกลางคืนเจ้าของถ่านไม้ของกลางคืนจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 29, 70 แล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 29, 70 เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่จะเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องก็คือ จำเลยรับไว้หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของป่าหวงห้ามที่มีผู้เก็บหามาจากในป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และไม่ได้เสียค่าภาคหลวงซึ่งตามมาตรา 70 ให้ถือว่าเป็นตัวการในการเก็บหาของป่านั้นด้วย แม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้เก็บหาของป่าด้วยตนเอง เพียงแต่รับไว้หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งของป่านั้น จำเลยก็มีความผิดฐานเป็นตัวการแล้ว ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยให้การรับสารภาพฟังได้ว่า จำเลยได้รับซื้อถ่านไม้อันเป็นนของป่าหวงห้าม จำนวน 4 กระสอบ ปริมาตร 0.50 ลูกบาศก์เมตร แล้วพาถ่านไม้นั้นไปเสียให้พ้น พาเคลื่อนที่จากป่าโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าถ่านไม้ดังกล่าวเป็นของป่าหวงห้ามที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 29 ฐานเก็บหาของป่าหวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และมิได้เสียค่าภาคหลวงอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการเก็บหาของป่าตามมาตรา 29, 70 ที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าจำเลยมีถ่านไม้เพียง 0.50 ลูกบาศก์เมตร ไม่เกินกว่า 1 ลูกบาศก์เมตรการกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาเพราะโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตามมาตรา 29 ทวิ ฐานมีถ่านไม้อันเป็นของป่าหวงห้ามไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กำหนด แต่เป็นการฟ้องขอให้ลงโทษฐานเป็นตัวการในการเก็บหาของป่า ซึ่งกฎหมายมิได้กำหนดปริมาณของของป่าที่เก็บหาเพียงแต่ผู้เก็บหากระทำไปโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก็เป็นความผิดแล้ว
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484มาตรา 29, 70, 71 ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 5ให้ลงโทษปรับ ริบถ่านไม้ของกลาง รถยนต์ของกลางให้คืนเจ้าของ