คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2908/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์เป็นทนายความแก้ต่างให้จำเลย สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของ เป็นการจ้างเหมาทั้งหมด เมื่อโจทก์ได้เป็นทนายความว่าความแก้ต่างให้แก่จำเลยจนคดีถึงที่สุดแล้ว แม้คดีจะถึงที่สุดโดยการถอนฟ้องไปก่อนสืบพยาน จำเลยก็ต้องชำระค่าจ้างว่าความให้แก่โจทก์ แต่เมื่อคดีเสร็จไปโดยไม่มีการสืบพยานตามกำหนดเวลาชำระค่าจ้างในสัญญา ก็มีเหตุสมควรลดค่าจ้างให้จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้เป็นทนายความให้จำเลยในคดีที่จำเลยถูกฟ้อง ตกลงค่าจ้างเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อคดีถึงที่สุดจำเลยยังค้างค่าจ้างว่าความอยู่อีก ๔๐,๐๐๐ บาท จึงขอให้บังคับจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นทนายความ แต่มีข้อตกลงกันว่า หากมีการประนีประนอมยอมความในระหว่างดำเนินคดีของศาลชั้นต้น โจทก์คิดค่าจ้างเพียง ๒๐,๐๐๐ บาท สัญญาจ้างว่าความที่โจทก์นำมาฟ้องได้ยกเลิกกันแล้วโดยให้ถือตามข้อตกลงเดิม คดีที่จำเลยจ้างโจทก์ว่าความได้มีการประนีประนอมยอมความกันโดยการถอนฟ้องก่อนสืบพยาน โจทก์ทำงานเพียงเล็กน้อย จำเลยชำระค่าจ้างไป ๒๐,๐๐๐ บาท ถูกต้องตามข้อตกลงและเป็นธรรมแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาจ้างว่าความที่โจทก์นำมาฟ้องได้ยกเลิกกันและจำเลยได้ชำระค่าจ้างว่าความ ๒๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์ตามข้อตกลงแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญาจ้างว่าความยังไม่เลิกกัน แต่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่เพียงเล็กน้อย ควรกำหนดค่าจ้างว่าความให้โจทก์ ๓๕,๐๐๐ บาท พิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างว่าความให้โจทก์อีกเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ว่าความเป็นเงินค่าจ้าง ๑๐๐,๐๐๐ บาท ชำระแล้ว ๒๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือสัญญาจะชำระให้ก่อนวันสืบพยาน ๓๐,๐๐๐ บาท และอีก ๔๐,๐๐๐ บาท จะชำระเมื่อคดีศาลชั้นต้นสิ้นสุด สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของ กล่าวคือเป็นการจ้างเหมาทั้งหมด เมื่อโจทก์ได้เป็นทนายความว่าความแก้ต่างให้แก่จำเลยจนคดีถึงที่สุดแล้ว แม้คดีจะถึงที่สุดโดยการถอนฟ้องไปก่อนมีการสืบพยาน จำเลยก็ต้องชำระค่าจ้างว่าความให้แก่โจทก์ แต่เมื่อคดีเสร็จไปโดยไม่มีการสืบพยานตามกำหนดเวลาชำระค่าจ้างตามสัญญาก็มีเหตุสมควรลดค่าจ้างให้จำเลยเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าจ้างว่าความแก่โจทก์อีกเป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท

Share