แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 มาตรา 42 วรรคสอง และมาตรา 65 ด้วยนั้น เมื่อตามมาตรา 65 ดังกล่าวระบุว่า “ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา42 วรรคสอง…ต้องระวางโทษ…” ดังนี้ เมื่อจำเลยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 42 วรรคสอง ย่อมหมายถึงจำเลยได้กระทำความผิดฐานนี้ด้วย จำเลยจึงต้องรับโทษตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวอีกกรรมหนึ่ง การที่จำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ถือเป็นการกระทำความผิดไปกรรมหนึ่งแล้วเมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ระงับการก่อสร้าง จำเลยยังคงสร้างต่อไปอีก จึงเป็นการกระทำผิดกรรมหนึ่งต่างไปจากกรรมแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522มาตรา 4, 31, 40, 42, 65, 67, 69, 70, 71, 79, 80ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522ลงวันที่ 8 มีนาคม 2522 ข้อ 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 สั่งปรับจำเลยเป็นรายวันตามกฎหมาย นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการหลังจากสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4,31, 40, 42, 65, 67, 69, 70, 71, 79, 80 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2522ข้อ 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานก่อสร้างผิดไปจากแผนผังที่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 3 เดือน ฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่สั่งให้ระงับการก่อสร้างให้จำคุก 3 เดือน ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานที่ให้รื้อถอนให้จำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 9 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพหลังจากสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษ ให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกมีกำหนด 6 เดือน และให้ปรับจำเลยวันละ 5,000 บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ให้รื้อถอนอาคารและให้ลงโทษจำเลยฐานก่อสร้างอาคารผิดไปจากแผนผังบริเวณ แบบแปลนและรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจำคุก 2 เดือน ฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่สั่งให้ระงับการก่อสร้างจำคุก 2 เดือน รวมจำคุก4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน ไม่ปรับ นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษในความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พุทธศักราช 2522 มาตรา 42 วรรคสอง และ 65 ด้วยนั้นเห็นว่า ตามมาตรา 65 ดังกล่าวระบุไว้ชัดว่า “ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา…42 วรรคสอง…ต้องระวางโทษ…” เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 42 วรรคสองดังที่จำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องทุกประการ ซึ่งย่อมหมายถึงความผิดฐานนี้ด้วย จำเลยจึงต้องรับโทษตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติ ฉบับดังกล่าวอีกกรรมหนึ่ง ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทนั้น เห็นว่า จำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแผนผังบริเวณ และแบบแปลน ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นอันเป็นการกระทำความผิดไปกรรมหนึ่งแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ระงับการก่อสร้าง จำเลยก็ยังคงก่อสร้างต่อไปอีก เป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างไปจากกรรมแรก ทั้งระยะเวลากระทำความผิดทั้งสองกรรมนั้น ก็เป็นคนละเวลากัน จึงเป็นที่เห็นได้ชัดว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรม
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการลงโทษซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218″
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคาร ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 วรรคสอง, 65 วรรคสอง, 69, 70อีกกรรมหนึ่ง ลงโทษจำคุก 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือนเมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานอื่นอีกสองกรรมตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ให้จำคุก 3 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์