แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลว่าจำเลยยอมยกห้องแถว 2 ชั้นของจำเลย ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดที่ 2649 ของโจทก์ ให้แก่โจทก์ และโจทก์ยอมจะให้จำเลยเช่าต่อไปโดยกำหนดเวลาเช่า สุดแต่จะตกลงกันเอง เมื่อปรากฎว่าโจทก์จำเลยตกลงกันไม่ได้ ในเรื่องกำหนดเวลาเช่าจนเวลาล่วงเลยมาเกือบ 3 ปี นับแต่ทำยอมกัน ทั้งจำเลยไม่มีสัญญาเช่าต่อกัน จำเลยไม่มีสิทธิจะอยู่ในบ้านนั้นต่อไป
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๔๙๔ จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลในคดีแพ่งแดงที่ ๑๐๐๙/๒๔๙๔ ว่าจำเลยยอมยกห้องแถว ๒ ชั้นเลขที่ ๑๘๒/๒ ของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดที่ ๒๖๔๙ ของโจทก์ให้แก่โจทก์ จะไปทำหนังสือโอนกรรมสิทธิให้แก่โจทก์ภายใน ๑ เดือนแล้วโจทก์ยอมจะให้จำเลยเช่าต่อไป โดยกำหนดเวลาเช่าสุดแต่จะตกลงกันเองในอัตราค่าเช่าเดือนละ ๘๐ บาท โจทก์จำเลยจะได้ทำสัญญาเช่าต่อกันภายใน ๑ เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมต่อมาจำเลยเพิ่งได้ไปทำสัญญาโอนกรรมสิทธิที่ห้องแถวให้เมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๔ ส่วนคนเช่าโจทก์พยายามเตือนให้จำเลยมาทำสัญญา โดยโจทก์จะยอมให้เช่า ๑ ปีนับแต่วันโอนกรรมสิทธิห้องแถวซึ่งเป็นการผ่อนผันให้จำเลยแล้ว แต่จำเลยไม่มาทำสัญญาเช่า ทั้งค่าเช่าเดือนละ ๘๐ บาทจำเลยก็ไม่ชำระ โจทก์ให้ทนายเดือนไปจำเลยให้ทนายมาติดต่อว่าจะมาทำสัญญาแล้วก็หามาทำไม่ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้ส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ในสภาพอันดี
จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาประนีประนอมกับโจทก์จริง แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาเช่า เพราะโจทก์ จะให้เช่าเพียง ๑ ปี แต่จำเลยขอร้องให้เป็น ๓ ปีหรือ ๒ ปี ครั้งสุดท้ายจำเลยยอมจะเช่า ๑ ปี แต่ขอให้นับแต่วันทำสัญญาเช่า แต่โจทก์ไม่ยอม
ในวันพิจารณาคู่ความรั่บกันว่า เมื่อทำสัญญาประนีประนอมแล้ว โจทก์จำเลยได้เจรจาเพื่อจะทำสัญญาเช่ากัน โจทก์จะให้เช่าเพียง ๑ ปี แต่จำเลยจะขอเช่า ๒ หรือ ๓ ปี จึงไม่ได้ทำสัญญากัน ต่อมาฝ่ายจำเลยยอมทำสัญญาเช่า ๑ ปีแต่ขอให้นับวันทำสัญญาเป็นต้นไป แต่โจทก์จะให้นับแต่วันจำเลยโอนห้องให้ จึงยังมิได้ทำสัญญาเช่ากันจนโจทก์มาฟ้อง และจำเลยยังไม่ได้ชำระค่าเช่าจริง
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่าเมื่อโจทก์ จำเลยไม่ตกลงทำสัญญาเช่ากัน เพราะเกี่ยงกำหนดเวลากันอยู่ จึงถือว่าไม่มีสัญญาเช่าต่อกัน พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากห้องพิพากษาภายใน ๒๐ วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาข้อ ๒ (๑) เป็นฎีกาคำพิพากษาของศาลแพ่งไม่รับ นอกนั้นรับ
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ ๒(๒) ซึ่งจำเลยคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีนอกสัญญายอม โดยวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิกำหนดเวลาเช่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้สัญญายอมจะไม่มีข้อความดังจำเลยกล่าวก็ดี แต่ก็หาช่วยให้คดีของจำเลยดีขึ้นไม่ เมื่อปรากฎว่าโจทก์จำเลยตกลงวันกำหนดเวลาการเช่าไม่ได้ จนล่วงหน้ามาเกือบ ๓ ปีแล้วก็เป็นเรื่องที่ต้องถือว่าไม่มีการเช่าต่อกัน ทั้งจำเลยไม่ได้เสียค่าเช่ามาเกือบ ๓ ปีแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิจะอยู่ในบ้านนั้นต่อไปไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องผิดสัญญากันหรือไม่
พิพากษายืน