แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่โจทก์ยอมถอนฟ้องในคดีก่อนที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยนั้นเป็นเพราะจำเลยตกลงเงื่อนไขกับโจทก์ไว้เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขยังอยู่กินฉันสามีภริยากับหญิงอื่นจนกระทั่งปัจจุบันจึงมิใช่กรณีที่โจทก์ยอมให้อภัยจำเลยตลอดไปการกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(6)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นสามีภริยาโดยจดทะเบียนสมรส ได้ทำมาหากินร่วมกันมีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 2947 มีชื่อจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง จำเลยละทิ้งโจทก์ไปได้หญิงอื่นเป็นภริยาและมีบุตรด้วยกันเป็นเวลาประมาณ8 ถึง 9 ปี เป็นการจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกินกว่า 1 ปี จำเลยทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างชัดแจ้ง มีเหตุฟ้องหย่าขอให้พิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากกัน ให้จำเลยแบ่งที่ดินให้โจทก์กึ่งหนึ่ง หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หรือมิฉะนั้นให้โจทก์มีสิทธิรับเงินกึ่งหนึ่งจากการบังคับคดีที่ดินแปลงดังกล่าว
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินที่โจทก์และจำเลยทำมาหาได้ร่วมกันจำเลยมิได้จงใจละทิ้งร้างโจทก์ โจทก์ขอแยกบ้านไปอยู่ต่างหากและยินยอมให้จำเลยมีภริยาใหม่ได้ โจทก์เคยฟ้องหย่าจำเลย และถอนฟ้องโดยให้อภัยแก่จำเลยมาแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกันให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้โจทก์กึ่งหนึ่ง หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยหากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้นำที่ดินขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า โจทก์มีเหตุฟ้องหย่าจำเลยหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับกันว่า โจทก์จำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาตั้งแต่ปี 2493 จดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี 2519 ต่อมาปี 2528จำเลยไปได้นางมีเป็นภริยา มีบุตรด้วยกัน 1 คน โจทก์ได้ฟ้องหย่าจำเลยเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 781/2528 คดีหมายเลขแดงที่1027/2528 ของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ศาลในคดีดังกล่าวได้ทำการไกล่เกลี่ยโจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยจะต้องกลับมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกับโจทก์ห้ามเกี่ยวข้องกับหญิงอื่นต่อไป รวมทั้งห้ามนำหญิงอื่นเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านของโจทก์ โจทก์จึงได้ถอนฟ้องไปปรากฎว่าหลังจากที่โจทก์ถอนฟ้องในคดีก่อนแล้ว จำเลยยังคงอยู่ร่วมกับนางมีฉันสามีภริยาต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน เห็นว่า การที่โจทก์ยอมถอนฟ้องในคดีก่อนที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยนั้น ก็เพราะจำเลยตกลงเงื่อนไขกับโจทก์ไว้ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขยังอยู่กินฉันสามีภริยากับนางมีต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน จึงมิใช่กรณีที่โจทก์ยอมให้อภัยจำเลยตลอดไปตามที่จำเลยกล่าวอ้าง การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามมาตรา 1516(6) จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่า จำเลยละทิ้งร้างโจทก์ไปไม่เกิน 1 ปีแล้วหรือไม่ อันเป็นเหตุฟ้องหย่าอีกข้อหนึ่งนั้นต่อไปอีก โจทก์ย่อมฟ้องหย่าจำเลยได้”
พิพากษายืน