แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ซื้อที่นามือเปล่ามาครอบครอง 7-8 ปีแล้ว ภายหลังขายคืนให้เจ้าของเดิม ดังนี้ ถือว่าสละสิทธิในที่นานั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1377 แม้การขายคืนจะทำไม่ถูกแบบก็ฟ้องเรียกคืนจากเจ้าของเดิมไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 1 ได้ขายนาพิพาทให้แก่โจทก์ 7-8 ปีแล้วบัดนี้จำเลยที่ 1,2, 3 ได้สมคบกันขู่เข็ญและหลอกลวงให้โจทก์ยอมให้จำเลยที่ 1 ไถ่นารายพิพาทโจทก์มีความกลัว และหลงเชื่อจึงได้ออกใบรับเงินฉบับหนึ่งโดยจำเลยมอบเงินให้โจทก์ 300 บาท แล้วจำเลยฉีกสัญญาซื้อขายนาพิพาทเสีย จึงขอให้ศาลสั่งทำลายใบรับเงินแสดงการยอมที่ทำขึ้นโดยถูกขู่เข็ญและหลอกลวงและให้จำเลยที่ 1รับเงิน 300 บาทคืนไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่า แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้ขายนาพิพาทให้แก่นางหลวงแล้วก็ดี แต่คดีได้ความต่อมาว่า นางหลวงได้ยอมทำสัญญาไถ่(หรือขายคืน) แก่จำเลยที่ 1โดยรับเงิน 300 บาท ถือได้ว่า นางหลวงยอมสละสิทธิในที่นานั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 และทางพิจารณาไม่พอฟังว่าในการทำสัญญานี้ จำเลยที่ 1 ได้หลอกลวงนางหลวงแต่อย่างใด นางหลวงจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืนได้จึงพิพากษายืน