แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ได้ระบุที่อยู่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยไว้ชัดแจ้ง แต่แทนที่โจทก์จะนำเจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและคำบังคับให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาตามคำฟ้องของโจทก์ โจทก์กลับขอให้ส่งด้วยวิธีอื่นแทนซึ่งเป็นการเลยขั้นตอนของการส่งตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ถือได้ว่าเป็นการส่งที่ไม่ชอบ ไม่มีผลให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปในเหตุที่จำเลยขาดนัด
กรณีตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับส่งคำคู่ความหรือเอกสารใดให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งในคดีก่อน แม้จะเป็นคู่ความรายเดียวกันและในเรื่องเดียวกันก็ตาม เมื่อศาลสั่งจำหน่ายคดีเสร็จสำนวนไปจากศาลแล้ว โจทก์จะนำมาใช้ในคดีใหม่อีกหาได้ไม่
ย่อยาว
คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยหรือผู้อยู่อาศัยก่อให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นในห้องเช่า ศาลชั้นต้นได้ส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องและหมายนัดพิจารณาให้จำเลยทราบด้วยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์ตามคำร้องของโจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นส่งคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาด้วยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์
ระหว่างการบังคับคดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่าโจทก์ได้ระบุภูมิลำเนาของจำเลยไว้ชัดแจ้งในคำฟ้อง แต่ไม่ได้นำส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามที่ระบุไว้ กลับยื่นคำร้องพร้อมด้วยคำฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ประกาศหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งด้วยวิธีธรรมดา เป็นการเลยขั้นตอนของการส่งตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ใหม่
โจทก์ยื่นแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขอให้ส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง ตลอดจนวันนัดทางหนังสือพิมพ์ทั้งสิ้น โดยไม่ขอให้ส่งด้วยวิธีธรรมดาก่อน มีเหตุสมควรเชื่อว่าจำเลยไม่ทราบนัด และมาศาลไม่ได้ตามคำร้อง ขอให้พิจารณาคดีใหม่ โจทก์ทราบภูมิลำเนาที่แน่นอนของจำเลยแต่กลับขอให้แจ้งคำบังคับแก่จำเลยโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์อีก การส่งคำบังคับด้วยวิธีการดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ถือว่ายังไม่มีการส่งคำบังคับแก่จำเลยโดยชอบ จึงไม่ถือว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่เกินกำหนดเวลา อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามคำร้องขอของจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74 บัญญัติไว้ว่า “การส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใดโดยเจ้าพนักงานศาลนั้นให้ปฏิบัติดังนี้ ฯลฯ (2) ให้ส่งแก่คู่ความหรือบุคคลซึ่งระบุไว้ในคำคู่ความหรือเอกสาร ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความหรือบุคคลนั้น แต่ให้อยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติหกมาตราต่อไปนี้ “และมาตรา 79 บัญญัติไว้ว่า “ถ้าการส่งคำคู่ความหรือเอกสารนั้นไม่สามารถจะทำได้ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน ศาลอาจสั่งให้ส่งโดยวิธีอื่นแทนได้กล่าวคือปิดคำคู่ความ ฯลฯ หรือลงโฆษณาหรือทำวิธีอื่นใดตามที่ศาลเห็นสมควร” แต่กรณีคดีนี้ได้ความว่า เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย โจทก์ก็ได้ระบุบ้านเลขที่ 37/28 ถนนสุรวงศ์ ตำบลสุรวงศ์ อำเภอบางรัก กรุงเทพมหานคร ไว้ว่าเป็นภูมิลำเนาที่อยู่ของจำเลย แต่แทนที่โจทก์จะนำเจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและคำบังคับให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาตามคำฟ้องของโจทก์ โจทก์กลับขอให้ส่งด้วยวิธีอื่นแทน ซึ่งเป็นการเลยขั้นตอนของการส่งตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการส่งที่ไม่ชอบ ไม่มีผลให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปในเหตุที่จำเลยขาดนัด ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกันนี้แล้วขออนุญาตศาลส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยด้วยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์เพราะเหตุที่จำเลยมีที่อยู่ไม่แน่นอน ส่งด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้ เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลาเมื่อฟ้องจำเลยในเรื่องเดียวกันเป็นคดีใหม่นี้ โจทก์จึงขอให้ศาลส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องด้วยวิธีอื่นแทนไม่เป็นการเลยขั้นตอนชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า กรณีตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการส่งคำคู่ความหรือเอกสารใดให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งในคดีก่อนแม้จะเป็นคู่ความเดียวกันในเรื่องเดียวกันก็ตามเมื่อศาลสั่งจำหน่ายคดีเสร็จสำนวนไปจากศาลแล้ว หาเป็นเหตุให้โจทก์นำมาใช้ในคดีใหม่นี้ได้อีกไม่ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังได้ความตามพยานของโจทก์เองอีกว่าเมื่อโจทก์นำเอาผลตามคำพิพากษาคดีนี้ไปฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลาย โจทก์ก็ส่งคำฟ้องให้จำเลยด้วยวิธีธรรมดา ณ ภูมิลำเนาของจำเลยซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องคดีนี้ ดังนี้ โจทก์จะมากล่าวอ้างว่าการนำส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและคำบังคับด้วยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์แทนการนำส่งยังภูมิลำเนาของจำเลยเป็นการชอบด้วยกฎหมายหาเป็นการรับฟังได้ไม่
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาเป็นพับ